กลยุทธ์ฝ่ายค้านการเมืองหรือเศรษฐกิจคือ เป้าหมายหลัก
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
กลยุทธ์ฝ่ายค้านการเมืองหรือเศรษฐกิจคือ เป้าหมายหลัก – หากถือเอาคุณสมบัติและความเหมาะสมของ “รัฐมนตรี” เป็นประเด็นใหญ่ในห้วงแห่งการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล
นั่นเท่ากับยก “การเมือง” ขึ้นมาเป็น “ประเด็น”
ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติและความเหมาะสมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติและความเหมาะสมของ นายอุตตม สาวนายน
แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหา “เศรษฐกิจ” ก็หนักหนาสาหัส
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามการค้าและผลสะเทือน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบาทแข็งและผลสะเทือน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัยแล้งและผลสะเทือนถึงพืชผลทางการเกษตร
อาจเป็นได้ว่า การโหมประโคมโดยยกเอา “3 ป.” อันได้แก่ ประยุทธ์ ประวิตร และ ป๊อก อนุพงษ์ มาเป็นเป้าหมายใหญ่จะเป็นเรื่องหลอก
หลอกว่าจะตีด้านนี้ ทั้งๆ ที่ความจริงมุ่งตีอีกด้าน
ผลก็คือ เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อตั้ง “องครักษ์” เพื่อพิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
แม้กระทั่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ก็ได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อม
แต่เอาเข้าจริงๆ กำลังใหญ่อาจโถมไปทางด้านผลพวงอันสะท้อนความเลวร้ายในการเสื่อมทรุดทางเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนและอำนาจการซื้อที่เหลืออยู่น้อยนิดในหมู่ชาวบ้าน
การที่พรรคเพื่อไทยปล่อยข่าวเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาเป็นครูใหญ่ติวเข้มการอภิปรายให้กับส.ส.อาจเป็นการเปิดเป้าหลอกให้บังเกิดความไขว้เขว
เพราะแนวรบแท้จริงสัมผัสได้จากพรรคอนาคตใหม่มากกว่า
ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นักวิจัยฝีมือดีจากทีดีอาร์ไอ ไม่ว่าจะเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งทะลวงลึกไปในแวดวงการเกษตร
คนเหล่านี้ต่างหากที่อยู่ในยุค 5 จีอย่างเป็นจริง
คนเหล่านี้ต่างหากที่จะทำให้บรรดาฝ่ายเสนาธิการทหารงุนงงในทิศทาง หรือแม้กระทั่งนักการเมืองเก๋าเกมในพรรคพลังประชารัฐก็ตอบโต้ไม่เป็น
สภาพการณ์ของการประชุมรัฐสภาจึงน่าจะดำเนินไปในแบบส่งเสียงร้องในด้านเหนือ แต่แท้จริงแล้วต้องการกระหน่ำไปทางด้านใต้มากกว่า
ทุกอย่างเป็นไปในแบบ “การศึกมิหน่ายเล่ห์”
ไม่ว่าจะเป็นเล่ห์จากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นเล่ห์จากพรรคอนาคตใหม่ หรือแม้กระทั่งจากพรรคเศรษฐกิจใหม่และพรรคประชาชาติ
กว่าจะรู้ข้าศึกก็ทะลวงเข้าประตูเมืองมาแล้ว