วิถี การเมือง วิถี ของ อนาคตใหม่ “บัว” มาจาก “ตม”
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง – ท่วงทำนองการอภิปรายแบบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในเรื่องการเกษตร แบบ นายสุรเชษฐ์ ประวีณ วงศ์วุฒิ ในเรื่องการคมนาคมขนส่ง
ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างสูง
ไม่ว่าจะมาจากรัฐบาลอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ไม่ว่าจะมาจาก ส.ว.แต่งตั้งโดยคสช.อย่าง พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์
ทำให้ภาพของพรรคอนาคตใหม่มากด้วยสีสันและ โดดเด่น
นำไปสู่บทสรุปที่ว่า การมาของพรรคอนาคตใหม่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวาง ลึกซึ้ง ไม่เพียงแต่ในทางความคิดหากแต่ในทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ
บทสรุปเช่นนี้มาจากปัจจัยอะไร 1 มาจากจุดต่างระหว่าง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่กับพรรคการเมืองอื่น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน
1 จุดต่างนั้นมาจากฐาน “ความรู้” และ “ข้อมูล”
มิได้เป็นเรื่องแปลกเพราะว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อยู่ในแวดวงของธุรกิจเกษตรแปรรูป มิได้เป็นเรื่องแปลกเพราะ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ เป็นนักวิชาการด้านการขนส่ง
เมื่อประกอบส่วนเป็นพรรคอนาคตใหม่ก็ย่อมเกิดความโดดเด่น
แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ กระบวนการหลอมรวมในทางความคิด ในทางความรู้ภายในพรรคอนาคตใหม่ ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เรียกว่า “ทำลายอย่างสร้างสรรค์”
พรรคอนาคตใหม่ก่อรูปขึ้นอย่างเปิดเผยเมื่อเดือนมีนาคม 2561 พร้อมกับคำประกาศว่าจะเปิดช่องทางให้กับคนรุ่นใหม่
ไม่มีการใช้เงินอย่างมโหฬาร ไม่มีระบบหัวคะแนน
แม้แนวทางเช่นนี้จะถูกเยาะเย้ยหยามหยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ผลการเลือกตั้งที่พรรคอนาคตใหม่ได้มา 6.3 ล้านคะแนน พร้อมกับ 81 ส.ส.
สร้างความตื่นตะลึงอย่างสูงในทางการเมือง
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเข้าไปอยู่ภายในระบบรัฐสภาอันล้าหลังย้อนยุค ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ยังสามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ยิ่งก่อให้เกิดมหัศจรรย์มากมายตามมา
แท้จริงแล้ว การเกิดของพรรคอนาคตใหม่มิได้ดำรงอยู่อย่างว่างเปล่า ไร้รากฐาน ตรงกันข้าม เป็นการเกิดท่ามกลางซากปรักหักพังในทางการเมือง
ตั้งแต่รัฐประหาร 2549 มายังรัฐประหาร 2557
หากไม่เกิดสภาพการณ์ทางการเมืองที่เรียกว่า “ทศวรรษแห่งความอับตัน” ตกอยู่ในวังวนแห่งความขัดแย้งแตกแยก พรรคอนาคตใหม่คงไม่สามารถกำเนิดเกิดมาได้
เส้นทางของพรรคอนาคตใหม่จึงเป็นเส้นทาง “บัว” อันเกิดจาก “ตม”