เส้นทางพลังดูด เพื่อไทย อนาคตใหม่ เป็นเป้าด้านหลัก
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
เส้นทางพลังดูดเพื่อไทยอนาคตใหม่เป็นเป้าด้านหลัก : ปรากฏการณ์พรรคไทยศรีวิไลย์ ปรากฏการณ์พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย อาจทำให้จำนวนเสียงที่เคยขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีลงลง
ลดลงจาก 256 เหลือ 253
ยิ่งเมื่อตัดชื่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ตัดชื่อ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ตัดชื่อ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา ออกไป
ก็เท่ากับรัฐบาลมี 250 เสียงอยู่ในมือ
แม้จะยังมี 250 เสียงจากวุฒิสภาเป็นเหมือนผนังทองแดงกำแพงเหล็กอยู่ตามรัฐธรรมนูญ แต่หากมองผ่านสภาผู้แทนราษฎรก็ถือได้ว่าหวาดเสียวอย่างยิ่ง
จึงมีความจำเป็นที่พรรคพลังประชารัฐจะต้องทอดไมตรีออกไปอย่างกว้างขวาง เห็นได้จากในระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เยือนสุรินทร์
ก็มี 3 ส.ส. จากพรรคเพื่อไทยไปต้อนรับ
ต้อนรับก็ไม่ต้อนรับอย่างธรรมดา หากแต่ต้อนรับพร้อมกับมีตัวเลข 1,500 ล้านบาท ปรากฏต้อนรับพร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้ลงชื่อในญัตติขอเปิดอภิปรายตามมาตรา 252
อันเท่ากับปัดปฏิเสธการทวงถามเรื่อง “ถวายสัตย์” โดยอัตโนมัติ
การเคลื่อนไหวอย่างโลดโผนของ 3 ส.ส. พรรคเพื่อไทยเช่นนี้ย่อมก่อสภาพวูบวาบในทางการเมืองอันก่อให้เกิดความหวาดระแวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
กระนั้น เฉพาะหน้าก็เริ่มเด่นชัดแล้วว่าเป้าหมายของพรรคประชารัฐขณะนี้ยังมิใช่พรรคเพื่อไทยหากแต่เป็นพรรคเศรษฐกิจใหม่
ปรากฏว่าที่เคยมี 8 กลับหลือเพียง 2
คนของพรรคเศรษฐกิจใหม่ออกมายอมรับเองว่า มีจำนวน 4 คนเริ่มถอยห่างจากพรรคและจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ
นั่นเท่ากับ 4 คนไปเติมให้กับรัฐบาล
ตัวเลขที่เคยดำรงอยู่ 250 ก็เพิ่มเข้ามาอีก 4 และมีความจำเป็นที่พรรคพลังประชารัฐจะต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อเติมตัวเลขให้มีความมั่นใจ
จากสภาพที่กำลังเกิดขึ้นในพรรคเศรษฐกิจใหม่ยืนยันอย่างเด่นชัดว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่หยุดนิ่งอย่างแน่นอนในการแผ่พลานุภาพแห่งพลังดูด
ขนาดคนของพรรคเพื่อชาติยังได้รับการปูนบำเหน็จด้วยตำแหน่ง
อย่าแปลกใจหากว่าเป้าหมายหลักในการแผ่พลานุภาพของพรรคพลังประชารัฐย่อมอยู่ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่อย่างเป็นด้านหลัก
ยังจะมีข่าวชวนให้ระทึกใจตามมาอีกแน่นอน