กรณี ถวายสัตย์ กับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนเงา ติดตัว
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
เหมือนกับความพยายามในการเสนอให้การประชุมตามญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญเป็นการ “ประชุมลับ” จะเป็นการรุก
เป็นการโต้กลับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นอกเหนือจากการปล่อยข่าวเรื่องภารกิจอันหนักหน่วงและต่อเนื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดเดือนกันยายน
จนแทบหาเวลาไปร่วมประชุมสภาไม่ได้
กระนั้น ไม่ว่าจะมองจากมุมของการทหาร ไม่ว่าจะมองจากมุมของการเมือง ทุกปฏิบัติการจากรัฐบาลและจากพรรคพลังประชารัฐก็เป็นการรุกภายในการตั้งรับ
นับแต่มีการท้วงติงกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เป็นต้นมา
สภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็อยู่ในสถานะ “รับ” อย่างต่อเนื่อง
รับเพราะว่ามีความเด่นชัดอย่างสัมผัสได้ในทางรูปธรรมว่า การกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม สะท้อนความผิดพลาด คลาดเคลื่อน
ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ ไม่เป็นไปตาม “รัฐธรรมนูญ”
พฤติกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งฟ้องออกมาอย่างเด่นชัดว่า พยายามหลบเลี่ยงไม่ยอมให้คำตอบตรงๆ และเตะถ่วงเรื่องให้ยืดเยื้อออกไป
การเตะถ่วงในบางเรื่องอาจเป็นผลดี อย่างเช่นการเตะถ่วงในเรื่องโรดแม็ปการเลือกตั้ง แต่ในบางเรื่องอาจเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี
เห็นได้จาก “คำถาม” อันตามมา
มิใช่คำถามของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่ง้างรออยู่ไม่ว่าโดยกระทู้ถามสด ไม่ว่าโดยญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ
หากที่สำคัญคือคำถามในทาง “สังคม”
จึงไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหนีและหลบเลี่ยงด้วยวิธีการนานา แต่คำถามก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปในทุกเทศะ
กรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเหมือนเงาอันติดตามตัวไปโดยตลอด ไม่ว่ากลางวัน ไม่ว่ากลางคืน
กลางวันก็จากแสงตะวัน กลางคืนก็จากแสงไฟ
ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตะถ่วงให้ยืดเยื้อไปยาวนานเท่าใด เงานั้นก็จะยิ่งตามไปหลอกหลอนเขย่าขวัญ ยาวนานเท่านั้น
นี่คือการถอย นี่คือการตั้งรับในทางเป็นจริง
