แนวรุก แนวต้าน เลือกตั้งซ่อม นครปฐม สะเทือน รัฐบาล
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
วิเคราะห์การเมือง – คล้ายกับว่าการเลือกตั้ง “ซ่อม” ที่เขต 5 นครปฐม เป็นเรื่องธรรมดาอย่างปกติยิ่งในทางการเมือง เพราะที่เลือกตั้งซ่อมเป็นไปตามกฎหมายเลือกตั้ง
เนื่องจากเป็นการลาออกของอดีตส.ส.
การเลือกตั้งครั้งนี้มิได้มีเหตุมาจากใบเหลือง ใบแดงซึ่งออกให้โดยกกต. จึงแทบไม่มีแรงกระเพื่อมอะไรต่อการคิดคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ
เมื่อฐานคะแนนเสียงเป็นเช่นนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรบิดผัน
กระนั้น หากนำเอากระบวนการเลือกตั้ง “ซ่อม” ของเขต 5 นครปฐม ประสานเข้ากับสภาพการผันแปร พลิกเปลี่ยนภายในของรัฐบาลก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่
องค์ประกอบสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ การเลือกตั้งซ่อมที่เขต 5 นครปฐม จะมีส่วนสัมพันธ์กับการเลือกตั้งซ่อมที่กำแพงเพชรอย่างแน่นอน
จึงดำเนินไปในลักษณะเป็น “โดมิโน”
พลันที่พรรคเพื่อไทยประกาศไม่ส่งคนลงแข่ง นั่นหมายความว่าพรรคเพื่อไทยได้เปิดทางให้กับพรรคอนาคตใหม่อย่างเต็มพิกัด
เป็นไปได้ว่าเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นกำแพงเพชร
ความสลับซับซ้อนอย่างยิ่งก็คือ พื้นที่ของกำแพงเพชรเป็นของพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็เป็นพรรคพลังประชารัฐที่แยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทย
เมื่อดูจากคะแนนการเลือกตั้งเดือนมีนาคมในเขต 5 นครปฐม จุดเด่นเป็นของพรรคอนาคตใหม่อย่างแน่นอนเพราะว่า นางจุมพิตา จันทรขจร ได้คะแนน 34,164 คะแนน
ขณะที่ นายสุรชัย อนุตธโต พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 18,970 คะแนน
ขณะที่ นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว จากพรรคพลังประชารัฐ ได้ 18,741 คะแนน ขณะที่ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ จากพรรคชาติไทยพัฒนาได้ 12,279 คะแนน
แต่ที่กำแพงเพชรทุกเขตอยู่ในความยึดครองของพรรคพลังประชารัฐ
คำถามอยู่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะดำเนินกลยุทธ์อย่างไรในการเลือกตั้ง “ซ่อม” จึงจะสามารถแย่งชิงพื้นที่จากพรรคพลังประชารัฐได้โดยละม่อม
ชัยชนะของการเลือกตั้งซ่อมที่เขต 5 นครปฐม จึงส่งผลสะเทือนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน
สะท้อนว่าความนิยมโน้มไปทางใด
พรรคอนาคตใหม่จะรักษาชัยชนะไว้ได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยจะยื้อแย่งมาจากพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่
จึงต้องจับตาติดตามด้วยความระทึกทางการเมือง