รายรับ รายจ่าย ของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงแค่ 4 เดือน
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
หากการขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ถือเป็นชัยชนะของคสช. ถือเป็นผลสำเร็จของพรรคพลังประชารัฐ
รูปธรรมคือ 251 ส.ส. และ 249 ส.ว.
รูปธรรมสะท้อนให้เห็นถึงการวางกติกาผ่านรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และการใช้ “อภินิหาร” แห่งกฎหมายผ่านองค์กรอิสระ
เอา 250 ส.ว.ไปสยบพรรคการเมือง “ขนาดกลาง”
52 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 51 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย 10 ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา คือ รายรับ คือชัยชนะและความสำเร็จในการสืบทอดอำนาจของคสช.
ไม่น่าเชื่อเพียง 4 เดือนให้หลังจากชัยชนะอันงดงามสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ก็ปรากฏ “รายจ่าย” ตามมา
ไม่เพียงรายจ่ายที่ต้องยกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ให้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องยกกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุขให้พรรคภูมิใจไทย
ยกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้พรรคชาติไทยพัฒนา
แต่พอมาถึงเดือนพฤศจิกายนก็ต้องหงุดหงิดกับพรรคประชาธิปัตย์ และยังต้องหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นกับรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ยืนกรานในเรื่องญัตติ ขอจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ก็จำเป็นต้องยอม
และจะต้องยอมให้ตำแหน่ง “ประธาน” ไปด้วย อีกหรือ
เมื่อหงุดหงิดกับการทำงานอย่างขยันขันแข็งของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ มีความจำเป็นต้องทวงคืนกระทรวงคมนาคม
แล้วยังต้องเปลืองตัวให้ “สื่อ” อันเป็นลูกแหล่งตีนมือต้องถูกเปิดโปงตามมาด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ กรณีที่ดินกว่า 1,700 ไร่ที่ส่งคนในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปเคลียร์ก็อาจต้องขัดใจกับคนของพรรคชาติไทยพัฒนาในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หากมองจากมุมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากมุมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และจากมุมของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็คงต้องเหนื่อย
เหนื่อยต่อ “รายจ่าย” ที่เกิดขึ้น
เป็นรายจ่ายที่พรรคพลังประชารัฐจะต้องประเคนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ประเคนให้กับพรรคภูมิใจไทย และประเคนให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา
เพียง 4 เดือนยังหนักหนาสาหัสระดับนี้ แล้วที่เหลือจะเป็นเช่นใด