ยุทธการ ตัว M เข้ามาแทน “มาตรา 44” มีตติ้ง การเมือง
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
พลันที่มีบัญชาจาก “ทำเนียบรัฐบาล” ไปยังพรรคพลังประชารัฐให้เป็นผู้ประสานงานเชิญแกนนำพรรค ร่วมรัฐบาลไปในงาน “มีตติ้ง การเมือง” เย็นวันที่ 3 ธันวาคม
นั่นเท่ากับยอมรับว่า “รอยร้าว” ในรัฐบาล “รุนแรง”
1 รุนแรงเกิดปัญหาและความสามารถของคณะกรรมการ ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) 1 รุนแรงเกิดที่ พรรคพลังประชารัฐจะบริหารจัดการได้
เรื่องจึงต้อง “รายงาน” ไปยัง “ทำเนียบรัฐบาล”
ผลก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เพียงแต่ต้องกุมมือ “จุรินทร์+เฉลิมชัย” แห่งพรรคประชาธิปัตย์ หากแต่ต้องกุมมือ “อนุทิน+ศักดิ์สยาม” แห่งพรรคภูมิใจไทย
หากนับจากเดือนมิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ก็เป็นเวลา 6 เดือนนับจากมีเสียงขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นเสียงจาก 251 ส.ส.
สถานการณ์ที่มี ส.ส. เพียง 90 กว่าคนอยู่ในที่ประชุมเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน และมีเพียง 240 กว่าคนอยู่ในที่ประชุมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน
คือเหตุอันจำเป็นต้องจัด “มีตติ้ง การเมือง”
สถานการณ์อย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคแห่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังรัฐประหารเมื่อเดือน พฤษภาคม 2557 เพิ่งจะเกิดขึ้นก็เมื่อหลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562
ทั้ งหมดนี้คือรูปธรรมที่ทั้งอำนาจ ทั้งบารมีอัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สะสมไว้ตลอด 5 ปี ที่ผ่านมาได้คลายจางลงอย่างเด่นชัด
มีความจำเป็นต้องร้องเพลง “ขอให้เหมือนเดิม”
การจัด “มีตติ้ง การเมือง” ในตอนค่ำของวันที่ 3 ธันวาคม คือการวิงวอนและร้องขอจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อพรรคร่วมรัฐบาล
นั่นก็คือ ฟื้นพลานุภาพแห่ง 251 ส.ส.อีกครั้ง
เป็นความพยายามโดยที่ยังไม่มีใครตอบได้ว่า สถานการณ์การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 4 ธันวาคมจะดำเนินไปอย่างไร ครบหรือไม่ครบ “องค์ประชุม”
ถามว่าอะไรคือปัจจัยที่อยู่ในมือภายหลังการเลือกตั้ง เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ในเมื่ออำนาจตามมาตรา 44 ไม่เหลืออยู่อีกแล้ว
เด่นชัดว่า 1 คือ อภินิหารของ “กฎหมาย”
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมาก คือบทบาทและปฏิบัติการอย่างที่มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งออกมายอมรับว่า มีความจำเป็นต้อง “แจกกล้วย” ให้บรรดาลิงๆ ทั้งหลายได้บริโภค
M ที่มาแทนมาตรา 44 คือ M-มีตติ้ง นั่นเอง