คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา จะมีความเห็นอย่างไรกับเนื้อหาหลายส่วนของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

1 เรื่องการลงโทษพรรคการเมือง

1 เรื่องการบัญญัติในเรื่องค่าสมาชิกพรรคการเมือง และบัญญัติให้มีพัฒนาการสมาชิกจาก 5,000 ในปีแรกเป็น 10,000 ใน 4 ปีหลัง

แต่น่าเชื่อว่า “สนช.” จะไม่ยอมปรับแก้ในเรื่องนี้

เพราะนี่คือ “เนื้อหา” ที่ทางคสช.และ“แม่น้ำ 5 สาย” บรรจุลงไปเพื่อกำกับและควบคุมให้พรรคการเมืองอยู่ในเส้นทางที่ตนเองต้องการ

สามารถ “ลงโทษ” ได้หากเห็นว่าไม่เป็นไปตามที่วางไว้

ทั้งสามารถอ้างได้อย่างหนักแน่นและจริงจังว่า ดำเนินไปเพราะต้องการให้พรรคการเมืองดำรงอยู่อย่างเป็น “สถาบัน”

มีฐานรองรับจากสมาชิก จากประชาชนอย่างแท้จริง

หากมองอย่างอุดมคติ พรรคการเมืองสมควรจะแวดล้อมอยู่ด้วย “มวลชน” มีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค

เห็นด้วยกับอุดมการณ์พรรค เสียสละทุกอย่างเพื่อพรรค

หากเพียงเงินค่าสมาชิกพรรค 100 บาท ไม่สามารถสละให้พรรคได้ ก็แทบไม่ต้องถามว่าจะทำงานรับใช้พรรคได้อย่างไร

นี่คือความวาดหวังด้วยอุดมคติและความปรารถนาดี

แต่ในความเป็นจริง พรรคการเมืองสามารถระดมทุนจากสมาชิกได้อย่างเป็นกอบเป็นกำหรือไม่ ทุกพรรคการเมืองย่อมตอบได้

มิเช่นนั้นจะมี “ขาใหญ่” ในพรรคเกิดขึ้นหรือ

ข้อกำหนดเหล่านี้ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา อาจจะหงุดหงิด

แต่เป็นความหงุดหงิดที่ไม่หนักหนาสาหัส

พรรคที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า 10 ปีขึ้นไปอย่างพรรคการเมืองเหล่านี้ล้วนรู้ลู่ทางได้เป็นอย่างดี สามารถเอาตัวรอดได้

แต่ที่น่าเป็นห่วงกลับเป็นพรรคใหม่ และเป็นพรรคขนาดเล็ก

มีพรรคการเมืองใหม่จำนวนมากที่แม้จะต้องการจัดตั้งแต่ไม่สามารถจัดตั้งได้ เพราะไม่มีเงิน เพราะไม่สามารถระดมหาสมาชิกได้

ข้อกำหนดเช่นนี้จึงเท่ากับเป็นการ “ทำหมัน” พรรคการเมืองไปโดยปริยาย

ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะกำหนดอย่างไร ไม่ว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจะขานรับรัฐธรรมนูญอย่างไร

แต่โอกาสของพรรคเพื่อไทย ของพรรคประชาธิปัตย์ ของพรรคภูมิใจไทย ของพรรคชาติไทยพัฒนา ย่อมเปิดกว้างมากกว่า เพราะมีเงินทุนมากกว่า มีความจัดเจนมากกว่า

ถี่จึงลอดตาช้าง ห่างจึงลอดตาเล็นไปโดยอัตโนมัติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน