บทเรียน การเมือง รุ่นใหญ่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กรณี FLASH MOB
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
บทเรียน การเมือง รุ่นใหญ่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กรณี FLASH MOB – ทั้งๆ ที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้รับการยอมรับว่าเป็น “เกจิ” สำคัญคนหนึ่งในการเมืองยุคใหม่นับแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 เป็นต้นมา
เหตุใดจึงทาย FLASH MOB ผิด
อย่าว่าแต่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เลย เชื่อได้เลยว่า นักการเมืองคนอื่น หรือแม้กระทั่งนักเคลื่อนไหวทางการเมืองจำนวนไม่น้อยก็ทายพลาด
ไม่เชื่อว่าจะมีคนเข้าร่วมจำนวนมากอย่างที่เห็น
นั่นก็เพราะนักการเมืองหรือนักเคลื่อนไหวเหล่านั้น ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจพรรคอนาคตใหม่ ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หากไม่เข้าใจ “คนรุ่นใหม่”
นี่มิได้เป็นครั้งแรกที่ประเมินบทบาทและความหมายของพรรคอนาคตใหม่ผิด นี่มิได้เป็นครั้งแรกที่ประเมินบทบาทและความหมายของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผิด
การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็ผิดกันระนาวมาแล้ว
อย่าว่าแต่พรรคพลังประชารัฐ อย่าว่าแต่พรรคประชาธิปัตย์ อย่าว่าแต่พรรคภูมิใจไทย อย่าว่าแต่พรรคชาติไทยพัฒนา
แม้กระทั่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ทายผิด
จำนวน 6.2 กว่าล้านคะแนนเสียงจึงสร้างความตระหนก จำนวน 81 ส.ส. จึงสร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงกระทั่งนำไปสู่การเปิดปฏิบัติการ LAWFARE อย่างต่อเนื่อง
ถามว่าคนอย่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ทายผิดได้อย่างไร เพราะเขาก็แวดล้อมอยู่ด้วยคนรุ่นใหม่ตัวเขาเองก็มีบุคลิกและท่วงทำนองแบบคนรุ่นใหม่
นั่นก็เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วมาก
ขณะเดียวกัน แวดวงหนึ่งของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มีสายสัมพันธ์อย่างแนบแน่นคือการเป็นมิตรรักแฟนเพลงของคนรุ่นใหม่อย่าง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์
อาจทำให้ศักย์ในการวิเคราะห์บิดเบือน เบี่ยงเบนได้
บิดเบือนและเบี่ยงเบนอย่างไม่ธรรมดา ตรงกันข้าม บิดเบือนและเบี่ยงเบนจนมองภาพของ “คนรุ่นใหม่” ผิดไปจากสภาพความเป็นจริงอย่างขาวกับดำ
เมื่อมองอย่างผิดจากสภาพความเป็นจริง ประกอบกับมีอคติในทางการเมืองก็เลยมอบบทบาทและความหมายของพวกเขาอย่างสบประมาท
สะท้อนลัทธิ “จัดเจน” ออกมาเต็มเปี่ยม
ในที่สุดก็ถูกคนรุ่นใหม่หรือ “นักเลงคีย์บอร์ด” ออกมาเปิดบทเรียนให้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กไลฟ์ของสำนักข่าวใด
ผลก็คือลุงๆ ป้าๆ ต้องเงียบโดยอัตโนมัติ