คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
การอนุมัติเห็นชอบ “โครงการซื้อเรือดำน้ำ” ที่เสนอโดยกองทัพเรือ ผ่านกระทรวงกลาโหม โดยมติครม. เมื่อวันที่ 18 เมษายน มีความหมายเป็นอย่างสูงสำหรับรัฐบาล
ไม่เพียงทำให้ “กองทัพเรือ” สมปรารถนา
ขณะที่นั่งมองการอนุมัติโครงการซื้อเครื่องบินที่เสนอโดยกองทัพอากาศ ขณะที่นั่งมองการอนุมัติโครงการซื้อรถถังที่เสนอโดยกองทัพบก
มติครม. เมื่อวันที่ 18 เมษายน เท่ากับยืนยันความเสมอภาค
ไม่ว่าโครงการอันมาจากกองทัพบก ไม่ว่าโครงการอันมาจากกองทัพเรือ ไม่ว่าโครงการอันมาจากกองทัพอากาศ ล้วนผ่านไปด้วยดี
ไม่เลือกที่รัก มักที่ชัง
และแม้ว่าในเบื้องต้นจะไม่มีการแถลงข่าว แต่ในที่สุดรัฐบาลก็แถลงมติครม.อย่างเต็มภาคภูมิ โดยตัดออกจากกรณี “ลับสุดยอด” ออกไป
ไม่ว่าการไม่ยอมแถลงแม้จะผ่านมติครม.ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 เมษายน มาแล้ว ไม่ว่าการแถลงและยืนยันมติครม.ในอีก 7 วันต่อมารัฐบาลล้วนมีเหตุผล
เหตุที่ไม่แถลง เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงและจัดเป็นเรื่องลับสุดยอด
เหตุที่แถลงเพราะการจัดชั้นความลับได้จบสิ้นลงแล้ว เพราะมีความจำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องการซื้อเรือดำน้ำต่อสาธารณะ
ไม่เพียงแต่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด จะแถลง
หากน่าเชื่อว่า ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คงจะออกมาให้รายละเอียด
ยิ่งกว่านั้น ยังเท่ากับยืนยันว่ารัฐบาลมีเงิน เศรษฐกิจไม่ได้ขาลง
หากเศรษฐกิจของประเทศไม่ประสบความสำเร็จ การตัดสินใจอนุมัติโครงการซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน
ย่อมเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล
แต่หากฟังจาก “ผู้นำ” รัฐบาลก็จะประจักษ์
ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน
1 เศรษฐกิจดี และ 1 เศรษฐกิจมิได้อยู่ในสภาวะขาลง
การอนุมัติโครงการซื้อเรือดำน้ำจากจีน จึงกลายเป็นรูปธรรมที่รัฐบาลต้องการแสดงและยืนยันว่าเศรษฐกิจของประเทศยอดเยี่ยม
หากไม่ยอดเยี่ยมจะเดินหน้าซื้อดำน้ำได้อย่างไร
เพราะครม.อนุมัติซื้อเรือดำน้ำ กระแสเรียกร้องให้มีการปรับครม.เศรษฐกิจ จึงไม่มีความจำเป็น
นี่ย่อมต่างไปจากสถานการณ์ที่ต้องปรับเอาทีมของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ออกไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 เพราะว่าการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจประสบความสำเร็จ
ผลสำรวจจาก “โพล” เสมอเป็นการสำรวจในวงแคบๆ ไม่แผ่กระจาย
