เพื่อไทย ปรับทัพประสาน 6 พรรค ฝ่ายค้านบดขยี้ “ประยุทธ์”
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
เพื่อไทย ปรับทัพประสาน 6 พรรค : บทบาทของ “คณะกรรมการกิจการพิเศษ” หรือ “กพศ.” อันนำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เดินไปข้างหน้าด้วยความคึกคัก เข้มข้น
ไม่เพียงแต่ประสานเข้าไปในพรรคเพื่อไทย
แนบแน่นอย่างเป็นพิเศษกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค แนบแน่นอย่างเป็นพิเศษกับ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์
หากยังแตะมือกับอีก 6 พรรคฝ่ายค้านอบอุ่น
รัดกุมในการกำหนดยุทธศาสตร์ รวมศูนย์ปลายหอกเข้าใส่รัฐบาล โดยมียอดอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเป้าหมายแน่วแน่ มั่นคง
ไม่ว่าอุบัติแห่ง “คณะกรรมการกิจการพิเศษ” หรือ “กพศ.” จะมาจากสมองก้อนโตของผู้ใด แต่นี่คือการจัดแถวอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งของพรรคเพื่อไทย
ทำให้แจ่มชัดในด้าน “ยุทธศาสตร์”
ขณะเดียวกัน ทำให้การประสานในแต่ละ “ยุทธวิธี” ไปยัง 6 พรรคร่วมรัฐบาลดำเนินไปเพื่อบรรลุเป้าหมายอันเป็น “ยุทธศาสตร์” เดียวกัน
โดยมี นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านเป็น กองหน้า
สร้างความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่าการขับเคลื่อนญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจจะเป็นการกรีธาทัพอันทรงพลานุภาพอย่างสูงในทางการเมือง
หากมองดูองค์ประกอบของคณะทำงานที่มี ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง นั่งหัวโต๊ะ ไม่ว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ย่อมต้องยก นิ้วให้
ยกนิ้วทั้ง “การเมือง” และ “การทหาร”
เมื่อได้ นายอดิศร เพียงเกษ ประสานเข้ากับ นายภูมิธรรม เวชยชัย และรวมถึง นายสุทิน คลังแสง รับลูกไปในฐานะประธานวิป
จึงคึกคักทั้ง “การเมือง” เข้มข้นทั้ง “ข้อมูล”
การปล่อยข้อมูลจากธุรกรรมซื้อขายที่ดินย่านบางบอนโยงสายยาวไปยังการทำสัญญาบริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ทำให้ “ภาพ” ผลประโยชน์ทับซ้อนแจ่มชัด
ปมเงื่อนและกระบวนการทำงานของ “คณะกรรมการกิจการพิเศษ” จึงมิได้เป็นแบบ “วีรชนเอกชน” ตรงกันข้ามต้องเป็น “วีรชน” ที่เก่งในการประสาน
ประสานไปใน “เพื่อไทย” จับมือกับ “ฝ่ายค้าน”
โดยจิตหนึ่งใจเดียวเพื่อให้ยุทธศาสตร์ใหญ่ทางการเมืองได้บรรลุ นั่นก็คือ เปิดโปงภาพการยึดอำนาจและสืบทอดอำนาจจากรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
รวมศูนย์ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา