รัฐบาล แข็งแกร่ง
กรณี ดอน ปรมัตถ์วินัย
ยังเป็น “รัฐมนตรี”
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
กรณีของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย มากด้วยความละเอียดอ่อน มากด้วยผลสะเทือนอันน่าหวั่นไหวเป็นอย่างสูง ในทางการเมือง
มิใช่การเมืองภายใน หากเป็น “ระหว่างประเทศ”
เพราะเป็นการพูดถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านที่มากด้วยความร้อนแรงและน่าเป็นห่วง
ทั้งเป็นการพูดในฐานะ “รัฐมนตรีต่างประเทศ”
เรื่องแบบเดียวกันนี้หากเกิดขึ้นในประเทศที่อารยะและมีบรรทัดฐานทางการเมือง นายดอน ปรมัตถ์วินัย ก็ยากที่จะมีที่ยืนใน ครม.
ความร้ายแรงในที่นี้แทบไม่จำเป็นต้องสรุป ว่า การพูดของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ไม่เป็นผลดีใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมองจากสหรัฐ ไม่ว่าจะมองจากอิหร่าน
หรือที่อ่อนไหวอย่างมากก็คือ ในโลก “มุสลิม”
ขณะเดียวกัน ก็แทบไม่จำเป็นต้องประเมินจากท่าทีและความเห็นในทางสังคม ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะมาจากนักวิชาการ
ขอให้ประเมินจากท่าทีของ “รัฐบาล” เอง
ความล่อแหลมของสถานการณ์สัมผัสได้จากการที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาปฏิเสธคำพูดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเอง
ไม่ว่าจะมองจากสายตาของสากล ไม่ว่าจะมองจากสายตาของสังคมภายในประเทศ ล้วนประเมินว่า คำพูดของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย จะไม่มีผลสะเทือนอะไรในรัฐบาล
นายดอน ปรมัตถ์วินัย ก็จะยังอยู่เหมือนเดิม
เพราะหากย้อนกลับไปดูความอื้อฉาวของรัฐมนตรีแต่ละคนที่ประกอบส่วนขึ้นเป็นครม. ไม่ว่าในห้วง 5 ปีก่อนหลังรัฐประหาร ไม่ว่าในห้วง 6 เดือนหลังการเลือกตั้ง
เหม็นโฉ่ อื้อฉาว แค่ไหนก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่
ขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ยังได้รับความโปรดปราน ชมชอบจากหัวหน้ารัฐบาล ยังสำแดงว่าจงรักและภักดีต่อการสืบทอดอำนาจของ คสช.
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าหลังรัฐประหาร เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ไม่ว่าหลังการเลือกตั้ง เมื่อเดือนมีนาคม 2562
จึงดำรงอยู่บนความมั่นใจเป็นอย่างสูง
มั่นใจในโครงสร้างของอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญ มั่นใจในกลไกอำนาจรัฐของตนไม่ว่ากองทัพ ไม่ว่าองค์กรอิสระ ไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาล
จึงทำอะไรก็ได้โดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชน