ดีลลับการเมือง
พลังประชารัฐ เพื่อไทย
ติดตรา‘เฟกนิวส์’
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ดีลลับการเมือง – ปฏิบัติการปล่อยข่าว “ดีลลับ” ปรากฏขึ้นในบรรยากาศแห่งการตระเตรียมญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หวังจะอาศัย “รอยแตก” ที่มีอยู่
1 เป็นรอยแตกภายในพรรคเพื่อไทยเมื่อมีการลดบทบาทคณะกรรมการยุทธศาสตร์ และเพิ่มบทบาทให้กับคณะกรรมการกิจการพิเศษ
1 เป็นรอยแตกระหว่างพรรคเพื่อไทยกับบางพรรคร่วมฝ่ายค้าน
พร้อมกันนั้น ก็นำเอานามของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็นเป้าล่อและเป็นตัวละครสำคัญเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือทางด้านการข่าว
ปมที่ฝ่ายยุทธการของรัฐบาลและของพรรคพลังประชารัฐตั้งขึ้นก็คือ นำเอาสถานะและจุดเด่นของ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็นอาวุธ
ในฐานะที่เป็น “ผู้จัดการ” รัฐบาล
เหมือนที่เคยปล่อยข่าวตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 2557 ถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับบางคนในพรรคเพื่อไทย
เสริมบทบาทคนคนนั้นในพรรคเพื่อไทยให้โดดเด่น
ครานี้จึงเป็นการตั้งประเด็นขึ้นมาว่า ที่ไม่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เพราะบารมี และ คอนเน็กชั่นที่มีกับสิ่งที่เรียกว่า “มหาอนาคอนด้า” ในทางการเมือง
เหมือนกับฝ่ายยุทธการประเมินจาก 1 สภาพที่ผู้มีบารมีนอกประเทศ “โลว์ โปรไฟล์” ในทางการเมือง และ 1 ความขัดแย้งภายในพรรคร่วมฝ่ายค้าน
เอาชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทะลวงเข้าไป “เสี้ยม”
กระนั้น จุดอ่อนก็ดำรงอยู่ภายในปฏิบัติการที่เรียกว่า “ดีลลับ” เพราะว่าการตัดสินใจยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปมิได้เป็นเรื่องของพรรค เพื่อไทยพรรคเดียว
และจริงๆ แล้วคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยก็มิได้มีปฏิบัติการ
พลันที่คนระดับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ออกมาปัดปฏิเสธ ประสานเข้ากับการยืนยันอย่างขันแข็ง จากระดับ นายภูมิธรรม เวชยชัย ปราสาททรายก็ พังครืน
จุดอ่อนเป็นอย่างมากของปฏิบัติการปล่อยข่าว “ดีลลับ” ก็คือ 1 เป็นความต่อเนื่องจากเฟกนิวส์ในเรื่อง “ฝากเลี้ยง” ส.ส. และ 1 คือเครื่องมือในการขับเคลื่อน
เมื่อเป็นการอาศัย “ปาก” เขี้ยวลากดินคนหนึ่ง
ยิ่งเมื่อปล่อยผ่านเครือข่ายอันเรียกขานกันว่า “สื่อ” พลังประชารัฐ ยิ่งทำให้สังคมสามารถจับร่องรอยได้อย่างไม่ยากลำบากเท่าใดนัก
“ดีลลับ” จึงแปรเป็น “เฟกนิวส์” โดยพลัน