เสียบบัตร แทนกัน

ไหน้ำผึ้งแตกกลางเมือง

สะเทือน เลื่อนลั่น

คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

เสียบบัตร แทนกัน ไหน้ำผึ้งแตก กลางเมือง สะเทือน เลื่อนลั่น – หาก นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ไม่เปรียบเปรยปฏิบัติการของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ว่าเหมือนกับหมาบูลด๊อกที่ “กัดไม่ยอมปล่อย”

กรณีเสียบบัตรเเทนกันจะ “บานปลาย” หรือไม่

ไม่ว่า นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ก็อยากจะรู้ ไม่ว่า นางนาที รัชกิจประการ ก็อยากจะรู้ และไม่ว่าหลายคนในพรรคภูมิใจไทยก็อยากจะรู้

อย่างมากที่สุด นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ก็ได้แต่ยิ้ม

เพราะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็กำลังเร่งตั้ง คณะกรรมการเพื่อสอบสวน เพราะ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ก็มั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยคงไม่หงุดหงิด

แรกที่มีการปูดเรื่อง นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ขึ้นมา หลายคนก็พยายามจะจำกัดกรอบและขอบเขต อย่างน้อยก็น่าจะมีเพียงคนเดียว

คำว่าเป็น “เรื่องส่วนตัว” จึงได้รับการประโคม

อย่างน้อยก็เพื่อที่จะเสริมแถลงจาก นายวิษณุ เครืองาม ว่าสถานการณ์ไม่เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2556 และปี 2557

แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาก็ไม่ใช่ 1 หากแต่เป็น 2

ยิ่งเมื่อมีการนำคลิปฉายสะท้อนให้เห็นการเปิดปฏิบัติการเสียบบัตรแทนกันอย่างคึกคักของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐก็ยิ่งชี้ว่ามิได้เป็น 1 หากเป็นไปว่าอาจเป็น 10

อย่าได้แปลกใจหากจะมีการเคลื่อนไหวตามมาอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะจากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ล้วนร่างหนังสือร้องเรียน

สถานีปลายทาง คือ ศาลรัฐธรรมนูญ

เป้าหมายของพรรคร่วมรัฐบาลคือต้องการให้จำกัดกรอบเฉพาะกรณีเสียบบัตร เป้าหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้านคือต้องการให้ขยายกรอบออกไป

คำถามก็คือ สถานะร่างพ.ร.บ.งบประมาณจะเป็นอย่างไร

หากถือตามบรรทัดฐานเมื่อปี 2557 ซึ่งมีผลยกเลิกพ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ก็เท่ากับว่าครานี้จะมีผลถึงร่างพ.ร.บ.งบประมาณอย่างแน่นอน

มาถึง ณ วันนี้ จึงเด่นชัดอย่างยิ่งว่า กรณีเสียบบัตรเเทนกันอันเริ่มจาก นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ มิได้เป็นเรื่องส่วนตัวอีกต่อไปแล้ว

เกี่ยวพันอำนาจหลายอำนาจ

ไม่ว่าจะเป็นอำนาจบริหารคือรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น อํานาจนิติบัญญัติ คือ สภาผู้แทนราษฎร และที่สุดก็ตกอยู่บนบ่าของอำนาจตุลาการ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ

นี่คือ “น้ำผึ้งหยดเดียว” อันน่ากลัวยิ่งในทางการเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน