วิเคราะห์การเมือง
กรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง “ปฏิเสธ” การเดินทางเข้าประเทศไทยของ โจชัว หว่อง ถือได้ว่าเป็นผลงานอันงดงาม 1 ของ คสช.และรัฐบาล
ฟังแถลงจาก พ.อ.วินธัย สุวารี
การเข้ามาของ โจชัว หว่อง อาจไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยเฉพาะการเข้ามาเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมการแสดงความคิดเห็นในไทยอาจสุ่มเสี่ยงต่อความไม่เรียบร้อย
“เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงคสช.จึงจำเป็นต้องให้ส่งกลับคืนประเทศต้นทาง”
หรือเหตุผลจาก นายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ “การอนุญาตให้เดินทางเข้าออกประเทศต้องเป็นไปตามระเบียบ และขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่”
เป็นเรื่องที่ชอบด้วยหลักการ เป็นเรื่องที่ชอบด้วยเหตุผล
ไม่ว่าบุคคลที่อยู่ในตำหนักจงหนานไห่ ประเทศจีน ไม่ว่าบุคคลที่อยู่ในตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล อาจถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะเท่ากับเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
เป็นเช่นนั้น จริงละหรือ
ความจริง การจัดงานรำลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 รับรู้กันว่าเป็นงานเล็กๆ แทบมิได้มีผลสะเทือนอะไรในทางการเมือง
เรียกล้อๆ กันว่า เหมือนกับ “เช็งเม้ง”
นั่นก็คือ ถึงวันที่ 6 ตุลาคม ของแต่ละปีก็มาจัดงานกันหนหนึ่ง ต่างก็พากันย้อนหวนทวนไปยังภาพซึ่งเคยเกิดขึ้น แล้วก็แสดงความเห็นอกเห็นใจกัน
ยิ่งเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม ผ่านมานานคนก็ยิ่งลืม และก็มีเข้าร่วมไม่มากนัก
แต่พลันที่มีการห้าม โจชัว หว่อง เดินทางเข้าประเทศเพื่อมาเป็นองค์ปาฐกคนหนึ่งในงานซึ่งจัดขึ้น ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ก่อให้เกิด “คำถาม” ตามมา เพราะ โจชัว หว่อง เป็นบุคคลระดับโลก สื่อในทางสากลจึงพาดหัวกันคึกคัก
เรื่องเล็กๆ ภายในประเทศจึงกลายเป็นเรื่อง “ระหว่างชาติ”
งานรำลึกถึงเหตุการณ์ของวันที่ 6 ตุลาคม จึงได้รับความสนใจ ไม่เพียงแต่ภายในประเทศ หากแต่ในทางสากลก็เริ่มทอดตามองและเสาะหาข้อมูลความเป็นจริง
1 ความเป็นจริงอันเกี่ยวกับ 6 ตุลาคม
ขณะเดียวกัน 1 ความเป็นจริงอันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าดำเนินไปอย่างไร
เป็นความสัมพันธ์เยี่ยงประเทศบ้านพี่ เมืองน้อง
หรือเป็นความสัมพันธ์ที่ประเทศ 1 เป็นมหาอำนาจ ขณะที่อีกประเทศ 1 ต้องการประจบประแจงเอาอกเอาใจอย่างมากเป็นพิเศษ
เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกรณี “อุยกูร์”
เห็นหรือไม่ที่มองว่าเป็นการตัดสินใจในลักษณะ “ตัดไฟ” เสียตั้งแต่ “ต้นลม” อาจมิได้เป็นไปตามนั้น ก็ได้
เหมือนกับว่า “ไฟ” คือ โจชัว หว่อง ไม่อาจเข้ามาในประเทศ ไม่อาจแสดงบทบาทอะไรเนื่องในเหตุการณ์รำลึกถึงสถานการณ์ 6 ตุลาคม เมื่อ 40 ปีก่อนได้ แต่ทุกอย่างยุติ จบสิ้นเพียงนั้นหรือไม่
จึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึง “รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ” มากกว่า