คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

มีการแยกอย่างค่อนข้างแจ่มชัดระหว่าง “ระเบิด” เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม กับ การพบ “ไปป์บอมบ์” เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม

นั่นก็คือ ระเบิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม สัมพันธ์กับ 2 ครั้งก่อนหน้า

นั่นก็คือ การพบ “ไปป์บอมบ์” ในพงหญ้าใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ไม่เกี่ยวอะไรกับระเบิด 3 ครั้งก่อนหน้า

เพียงแต่เป็น “ไปป์บอมบ์” เหมือนกันเท่านั้น

แต่พลันที่มีการพบลูกระเบิดเอ็ม 67 พร้อมกระสุนปืนนับร้อยซุกอยู่ในพัสดุภัณฑ์ในพื้นที่บางเขน และพลันที่พบอาวุธสงครามจำนวนมหึมาในรถกระบะที่วิ่งบนถนนสุขุมวิท บริเวณเขาล้าน จังหวัดตราด ความเป็นคนละเรื่องก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นสัมพันธ์กัน

บนพื้นฐานแห่ง “อาวุธ” บนพื้นฐานแห่ง “ความรุนแรง”

ระเบิดอันเกิดขึ้นจากเมื่อวันที่ 5 เมษายน วันที่ 15 พฤษภาคม และวันที่ 22 พฤษภาคม จะเป็นการกระทำโดยใคร กลุ่มใด ยังไม่เป็นที่แจ่มชัด

ตามข่าวปรากฏผู้ต้องสงสัยมากกว่า 100

ส่วน “ไปป์บอมบ์” ที่พบและยังไม่ระเบิดบริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ก็ระบุลายเซ็นว่าอาจสัมพันธ์กับระเบิดเมื่อปี 2559

แต่ก็ยังไม่มีคำตอบว่าเป็นใครนำไปซุกซ่อน อำพราง

กระนั้น พลันที่ลูกระเบิดเอ็ม 67 ถูกค้นพบ และพลันที่ภายในรถกระบะซึ่งตกถนนบริเวณเขาล้าน จังหวัดตราด ถูกค้นพบ แหล่งที่มาก็แจ่มชัด ไม่ว่าจะเป็นสิบเอกจากกองทัพบก ไม่ว่าพันจ่าอากาศเอกจากกองทัพอากาศ

เพียงแต่ “เป้าหมาย” ยังไม่สามารถระบุได้เท่านั้น

ระหว่าง 4 เหตุการณ์แรกอันเกี่ยวกับ “ระเบิด” กับ 2 เหตุการณ์หลังอันเกี่ยวกับลูกระเบิดและเครื่องกระสุนอันเป็น “อาวุธสงคราม”

จุดร่วมอย่าง 1 คือ จุดร่วมของความรุนแรง

แต่จุดที่ยังไม่สามารถระบุและยืนยันได้ก็คือ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นแล้วและที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตนั้น จะดำเนินไปอย่างไรและมีเป้าหมายใด

เป็นเป้าหมายในทางการเมือง หรือเป็นเป้าหมายในทางการทหาร

ขณะเดียวกัน ที่ไม่อาจปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาด 1 คือ ความรับผิดชอบทั้งหมดล้วนตกอยู่บนบ่าของคสช.และของรัฐบาล

จำเป็นต้องหา “คำตอบ” มาอธิบายกับ “สังคม”

จากนี้จึงเห็นได้ว่า ความรุนแรงและแนวโน้มของความรุนแรงข้างหน้าล้วนมี “จุดเริ่ม” มาจากจุดเดียวกัน

จุด 1 ก็คือ เป็นบรรยากาศภายหลังการประกาศและบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และจุด 1 ก็คือ การมาถึงวาระ 3 ปีและเหยียบบาทก้าวไปสู่ปีที่ 4 ของการรัฐประหาร

และทำให้เริ่มไม่แน่ใจในกระบวนการของ “การเลือกตั้ง” ว่าจะมีหรือ ไม่มี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน