วิเคราะห์การเมือง
หากดูจากท่าทีในการแถลงระหว่าง พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ประสานเข้ากับท่าทีในการแถลงของ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ในกรณีเกี่ยวกับ “อโลฮา ฮาวาย”
คล้ายกับว่าจะเป็น “เกม” ในทางการเมือง
“มีความพยายามของกลุ่มการเมืองที่กำลังถูกดำเนินคดี พยายามเปิดประเด็นให้เห็นว่า ฉันชั่วแกก็ชั่ว ฉันผิดกฎหมาย แกก็ผิดกฎหมาย เหมือนกัน”
เหมือนกับจะเป็นเช่นนั้น
แต่คำถามก็คือ กรณีของ “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” มาจากไหน มาจากฝ่ายตรงข้ามกับคสช. ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลอย่างนั้นหรือ
หรือว่าเป็น “สมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม”
ยิ่งกรณี “อโลฮา ฮาวาย” 1 ก็มาจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) และ 1 ก็มาจากบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
ล้วนเป็นเรื่องของคนใน ทั้งในรัฐบาลและในคสช.
เมื่อเริ่มต้นจากการประโคมโหมโรงโดยคนจาก “ภายนอก” แสงแห่งสปอตไลต์ย่อมฉายจับไปยังสิ่งที่เรียกว่าทหารและตำรวจประเภท “แตงโม”
นั่นก็คือ ภายนอก “เขียว” แต่ภายใน “แดง”
กระนั้น เมื่อคำนึงถึงความเป็นจริงที่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 2 ปีเศษ
1 มีการโยกย้ายแต่งตั้งอย่างอึกทึกครึกโครม
1 ไม่เพียงเป็นการโยกย้ายตามฤดูกาล หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังมีการโยกย้ายนอกฤดูกาล ทั้งดำเนินไปตามแบบแผน และดำเนินไปโดยอาศัยอำนาจของมาตรา 44 จากรัฐธรรมนูญ จนอาจสรุปได้ว่าพวกทหารและตำรวจแตงโมแทบไม่เหลือซาก
หมดบทบาท สิ้นความหมายไปโดยพื้นฐานทั้งพลเรือน ตำรวจและทหาร
ยิ่งหันไปมองพรรคเพื่อไทย ยิ่งหันไปมองนปช.ล้วนตกอยู่ในสภาพ “งอก่องอขิง” จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด ตั้งแต่ระดับหัวแถว จนถึงหางแถว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แทบไม่ต้องกล่าวถึง
ถูกถอดถอนซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่าป.ป.ช. ไม่ว่าสนช. ยิ่งกว่านั้น ยังต้องเดินขึ้นโรงขึ้นศาลแทบไม่เว้นแต่ละวัน
ป.ป.ช.ตั้งแท่นสอบและพร้อมกล่าวหามากกว่า 15 คดีความ
บรรดาแกนนำนปช. ชะตากรรมจะเป็นอย่างไร ภายในวันสองวันนี้ก็จะมีคำตอบว่าต้องเดินเข้าตะรางจากกรณีเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 หรือไม่
ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะมีฤทธิ์เดชในทางการเมือง
เมื่อสภาพของพรรคเพื่อไทย สภาพของนปช.กะปลกกะเปลี้ยอย่างนี้ ความเป็นจริงจึงเริ่มแผ่แบออกมา
แผ่แบให้เห็นว่า สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นของใคร สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นของใคร
ก็ล้วนใกล้ชิดกับ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด และ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ทั้งสิ้น
