คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ทั้งๆ ที่การสังสรรค์ของ “สโมสร ส.ส.” เคยมีมาแล้วหลายครั้งดังที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกคนหนึ่งของสโมสรก็เคยออกมายอมรับ

เหตุใดการสังสรรค์ที่โรงแรมเซ็นทรัล ลาดพร้าว จึงเป็นเรื่อง

หรือเพราะว่ามีอดีต ส.ส.บางคน บางกลุ่ม ต้องการสร้างราคาให้กับตนเองอย่างที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสปช.ออกมาตั้งข้อสังเกต

คำถามอยู่ที่ว่า สร้างราคาเพื่อให้ “เข้าตา” ใคร

เพราะน้ำเสียงของอดีตส.ส.ซึ่งถือว่าเป็นแกนสำคัญในการจัดและแถลงข่าวก็เป็นน้ำเสียงที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลย นั่นก็คือ เป็นน้ำเสียงที่ฟันธงว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปเป็นใครไปไม่ได้

นอกเสียจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น

ถามว่าเหตุใด นายอลงกรณ์ พลบุตร จึงออกมาสำทับในลักษณะเตือนบรรดาผู้เอาการเอางาน แห่ง “สโมสร ส.ส.” ราวกับเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง

เป็นเพราะว่าเป็น 1 ใน 77 สมาชิก กระนั้นหรือ

หรือเป็นเพราะตำแหน่งของ นายอลงกรณ์ พลบุตร คือ รองประธานสปท.คนที่ 1 อันถือว่าเป็นส่วนหนึ่งภายใน “แม่น้ำ 5 สาย”

และ “น้ำเสียง” ก็แทบไม่ต่างไปจากของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

1 ยืนยันว่าหากจะมีการจัดกิจกรรมครั้งต่อไปจำเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบล่วงหน้า และ 1 หากมีกิจกรรมอะไรนอกแถวเกินไปอาจจำเป็นต้องยุบสโมสร

นี่ย่อมเป็นน้ำเสียงของ “ผู้มีอำนาจ” มิใช่นักการเมืองธรรมดา

การห้ามมิให้ “นักการเมือง” พูดเรื่องการเมืองก็เหมือนกับห้ามเพลิงมิให้มีควัน ห้ามสุริยจันทร์ ส่องหล้า เพราะเมื่อเป็นนักการเมืองก็ต้องพูดเรื่องการเมือง

ประเด็นอยู่ที่ว่าเป็นการเมืองแบบไหน

หากว่าเป็นการเมืองในแบบ นายจาตุรนต์ ฉายแสง หรือเป็นการเมืองในแบบ นายวัฒนา เมืองสุข เมื่อทางคสช.และรัฐบาลฟังแล้วย่อมไม่เสนาะหู

แต่ถ้าเป็นการเมืองแบบ นายวันชัย สอนศิริ แบบ นายไพบูลย์ นิติตะวัน

เมื่อลอยผ่านสายลมอ่อนไปเข้าหู ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ย่อมน่ารื่นรมย์อย่างเป็นพิเศษ

จึงขึ้นอยู่กับว่าเป็น “นักการเมือง” คนไหน และแบบใด

ในความเป็นจริง สถานการณ์ในแบบ “ปาร์ตี้ 40 อดีตส.ส.” เป็นสถานการณ์อันแทบมิได้อยู่นอกเหนือการคาดหมาย

เป็นการตามมากับ “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560” แน่นอน

เป็นบรรยากาศอุ่นเครื่องอย่างมีลักษณะ “ลองของ” คสช.และรัฐบาลบ้างเล็กน้อยก่อนเข้าสู่กระบวนการของ “การเลือกตั้ง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน