คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ความสามารถในการคลี่คลายคดีฆ่ายกครัวอย่างเหี้ยมโหด 8 ศพที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือได้ว่าเป็นผลงานและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ยืนยัน “ประสิทธิภาพ” ของ “ตำรวจ”
นี่มิได้ยืนยันความมี “ประสิทธิภาพ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยองค์รวมในฐานะอันเป็นสถาบันเท่านั้น
หากแต่ยืนยันถึงความโดดเด่นของ “ผบ.ตร.”
เท่ากับเป็นการตอกย้ำ ยืนยันในสถานะและเกียรติภูมิที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีอยู่ในท่ามกลางกระแสเร่งเร้าให้มี “การปฏิรูปตำรวจ”
การทำความเข้าใจต่อ “วิธีวิทยา” ในการทำงานจึงสำคัญ
หากนำไปกระบวนการบริหารจัดการจากกรณีฆ่ายกครัว 8 ศพที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ไปประสานเข้ากับกระบวนการในการคลี่คลายคดีวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ
ก็จะทำให้มองเป็น “ภาพ” แจ่มชัดขึ้น
แม้กรณีการวางระเบิดห้องวงษ์สุวรรณ โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ จะสะท้อนลักษณะและเป้าหมายในทางการเมืองอย่างอึกทึกครึกโครม
อึกทึกเพราะเป็น “ห้องวงษ์สุวรรณ” ครึกโครมเพราะเป็นวันที่ 22 พฤษภาคม
กระนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ซึ่งลงมาบริหารจัดการด้วยตนเองก็ไม่ยอมให้เกิดอาการวอกแวกวอแวจากประเด็นทางการเมือง กระทั่งทำตัวเหมือนตำรวจ “การเมือง” อย่างที่เห็นๆ กันในห้วงหลังรัฐประหาร
ตรงกันข้าม ยึดกุมพยานหลักฐานอย่างแน่วแน่ มั่นคง
กรณีฆ่ายกครัว 8 ศพ ที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ยิ่งฉายความรัดกุมและระมัดระวังของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อย่างสัมผัสได้เป็นรูปธรรม
ผบ.ตร.มิได้เล่นบท “พระเอก” คนเดียว
ตรงกันข้าม ที่แวดล้อมและหนุนเสริมอย่างคึกคักกลับเป็นระดับ “รองผบ.ตร.” ดำรงยศเป็น พล.ต.อ.รวมแล้วถึง 3 คนด้วยกัน
เมื่อประสาน “ส่วนกลาง” กับ “พื้นที่” ก็เห็นผล
สามารถรุกคืบกระทั่งจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 แล้วขยายผลไปเป็นลำดับกระทั่งเพิ่มเป็น 2 และที่สุดก็เป็น 5
เมื่อมาถึงจุดนี้ทุกอย่างก็เรียบโร้ยโรงเรียนตำรวจ
ไม่ว่าจะเรียกว่า “ปฏิรูป” ไม่ว่าจะเรียกว่า “พัฒนา” แต่กระแสและแนวโน้มของสังคมเรียกร้องต้องการให้ดำเนินการเพื่อความสมบูรณ์
ขณะเดียวกัน ผลงานก็เป็นประจักษ์พยาน 1
เหมือนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กำลังร่วมมือกับผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อแสดงให้สังคมรับรู้ในความเป็นจริงของตำรวจ