คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

หากศึกษาโครงสร้างและกระบวนการปล่อยข่าวในเรื่องการปรับครม.โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นตัวตั้งก็พอจะอ่านเจตนประสงค์ได้ไม่ยากนัก

ทุกอย่างร้อยและสัมพันธ์ ยึดโยงกันและกัน

เริ่มต้นจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วนำเอา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

จากนั้นก็เข้าไปยังบางรายละเอียด

นั่นก็คือ ย้าย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ไปดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วเอา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ผลก็คือ เปิดตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ให้ว่างลง

เหตุผลที่จะต้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพราะจะได้เป็นหลักประกันในเรื่องการเลือกตั้ง

เป็นเช่นนั้นจริงละหรือ

การนั่งอยู่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่สามารถเป็นหลักประกันในเรื่องการเลือกตั้งได้หรือ

ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

เพราะว่าในการทำ “ประชามติ” ต่อร่างรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ก็สามารถผ่านฉลุยด้วยคะแนนอันงดงาม สร้างความคึกคักเป็นอย่างสูง

ก็เป็นฝีมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มิใช่หรือ

อย่าได้แปลกใจที่ ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ล้วนอ่านเกมข่าวลือข่าวปล่อยนี้อย่างทะลุ ปรุโปร่ง

จึงตอบตรงกัน

ตรงกันว่า ความรับผิดชอบในการปรับครม.เป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมองผ่านสถานะหัวหน้าคสช. ไม่ว่าจะมองผ่านสถานะนายกรัฐมนตรี

เพราะมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่ทำ

เป็นการตอบอย่างเข้าใจว่า กระแสอันเป็นแรงกดดันในลักษณะนี้เริ่มต้นมาจากที่ใดและมีความต้องการอย่างแท้จริงอยู่ตรงไหน

เป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างหากคือ “เป้า”

การหยิบเอาชื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ขึ้นมาในบรรยากาศแห่งการปฏิรูปตำรวจ ประสานเข้ากับการสร้างผลงานชิ้นโบแดง

เจตนประสงค์ก็เพื่อกลบเกลื่อน

กลบเกลื่อนเป้าหมายแท้จริงว่าที่ปรารถนาให้เกิดขึ้น คือ การย้าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกไปจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เป็นแผนเดิมๆ จากคนหน้าเดิม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน