ผลการสำรวจความรู้สึกของประชาชนในการ “ประเมินผลงาน 3 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ของ ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือที่เรียกว่า “กรุงเทพโพลล์”
ปรากฏขึ้นใน 2 สถานการณ์ที่สำคัญ
สถานการณ์ 1 คือ การประชุมครม.นอกสถานที่ไปยังจังหวัดนครราชสีมา สถานการณ์ 1 คือการอ่านคำพิพากษาคดีโครงการจำนำข้าว
เป็น 2 เรื่องที่มีลักษณะคาบเกี่ยวและสัมพันธ์กัน
เพราะคดีโครงการจำนำข้าวถือได้ว่าเป็นผลงาน 1 และผลงานสำคัญของรัฐบาล และเพราะการประชุมครม.นอกสถานที่ก็เพื่อไปรับฟังความเห็นจากประชาชน
แล้ว “กรุงเทพโพลล์” ก็นำเสนอ “ประเมินผลงาน”
การประเมินผลงานของ “กรุงเทพโพลล์” ถือได้ว่าสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับการประเมินตนเองโดยคนในซีกของรัฐบาล
ไม่ว่าจะในเรื่องของ “ความสงบ” ไม่ว่าในเรื่องของการปราบ “คอร์รัปชั่น”
ยิ่งกว่านั้น ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาก็คือ การตอกย้ำผลงานและความสำเร็จทางด้าน “เศรษฐกิจ” เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับรัฐบาลก่อนๆ
แต่คะแนนความพึงพอใจกลับได้เพียง 5.27 จากคะแนนเต็ม 10
หากถือว่าการประเมินคะแนนเหมือนกับการสอบและวัดผลของนักเรียนอาจถือว่า “สอบได้” แต่ก็เป็นการสอบได้อย่างชนิด ฉวดเฉียด คาบลูกคาบดอก
นั่นก็คือ เกินร้อยละ 50 ขึ้นมาเล็กน้อย
ที่ชวนให้ใจหายมากกว่าก็คือ เมื่อลงลึกไปภายในรายละเอียด หรือ “เม็ดงาน” อันเป็นการบริหารจัดการของรัฐบาลในห้วง 3 ปีที่ผ่านมา
ปรากฏว่า คะแนนล้วนแต่ “ลดลง”
ไม่ว่าจะเป็นคะแนนทางด้านความมั่นคงของประเทศ คะแนนทางด้านการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย
คะแนนทางด้านสังคมและคุณภาพชีวิต คะแนนทางด้านการต่างประเทศ
และที่ทำให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์และคณะ ต้องถอนหายใจด้วยความไม่เชื่อ คือ คะแนนทางด้านเศรษฐกิจก็ลดลง
หากเป็นรัฐบาลทั่วไปก็ต้องถือว่าเป็น “ขาลง”
เป็นไปได้ว่าจะต้องก่อปฏิกิริยาจากซีกทางด้านรัฐบาล และจากซีกทางด้านคสช.อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นโฆษกคนใด
ไม่น่าจะปล่อยให้ผ่านเลยไปได้
คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า บรรดาโฆษกทั้งหลายจะแถลงตอบโต้และอธิบายอย่างไร หากแต่อยู่ที่ว่าคำตอบและความรู้สึกจากประชาชนเป็นอย่างไรมากกว่า
“ประชาชน” ต่างหากคือปัจจัยสำคัญ