กระบวนการ ป้องปราม อันมาจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำท่าว่าจะเป็น จุดแข็ง ในตอนต้น แล้วเหตุใดกลับจะกลายเป็น จุดอ่อน
นี่ก็เหมือนกับอัตราค่าจ้างหัวละ 1,500 บาทนั่นเอง
ตอนที่ท่านสนช. เจ้าเก่า คนหน้าเดิมออกมาเปิดเผยเรื่องนี้กระทั่งเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมในตอนต้น แต่ไม่นานต่อมาก็กลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อ
สนช. เจ้าเก่า รายนั้นก็กลายเป็น ตัวตลก
เช่นเดียวกับ หนังสืออันสตง.ส่งตรงไปยังกระทรวงมหาดไทย ส่งตรงไปยังกระทรวงกลาโหม ฟังดูขึงขังใน 2-3 วันแรก แต่ชั่วเวลาที่ชาวบ้านสรุปว่า ตดยังไม่หายเหม็น
พลันก็กลายเป็น เรื่องตลก ประเภท ขายหัวเราะ
กรณีของสตง.บุคคลที่ก่อให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือมิได้มาจากพรรคเพื่อไทย มิได้มาจากนปช.คนเสื้อแดง หากแต่มาจากในปีกของรัฐบาลเอง
นั่นก็คือ คำปฏิเสธจาก มหาดไทย
นั่นก็คือ บทสรุปสั้นกระชับและตรงเป้าซึ่งออกจากปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ไม่มี องค์กรไหน ใครที่ไหน บอกมา
แทนที่ทางด้านสตง.จะเงียบ สงบอยู่ในสำนักงาน กลับออกมาตอกย้ำอีกคำรบ 1 อย่างขึงขังโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรอยู่ในมือ
จึงยิ่งเป็นเรื่องประเภท ขายหัวเราะ มากเป็นทวีคูณ
ไม่ว่าจะเป็นการพูดโดยสนช. เจ้าเก่า ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินกลยุทธ์ ป้องปราม อันดังมาจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
หัวใจก็คือ เป็นการพูดอย่างลอยๆ ว่างโหวง
สนช. เจ้าเก่า อาจอ้างมาจากฝ่าย ความมั่นคง สตง.อ้างมาจากข้อความที่โพสต์ผ่าน เฟซบุ๊ก ส่วนตัว
แต่เมื่อมีคนถามว่าเป็นใคร องค์กรไหน ก็ตอบไม่ได้
ข้อกล่าวหาในลักษณะนี้ในกาลอดีตอาจทรงความหมาย แต่ในยุคปัจจุบันกลับไม่มีความหมายอะไรเลย นอกจากเป็นการสาดโคลนไปยังอีกฝ่าย
ดูหมิ่น ดูแคลน ว่าเงินไม่กี่พันก็ซื้อตัวได้
อาจเพราะมีความพยายามสร้างข่าว ปั้นเรื่อง ให้ร้ายกันอย่างไร้หลักฐาน ข้อมูล อย่างนี้เองทำให้วันที่ 25 สิงหาคม มีบทบาทและความหมายขึ้นมา
นี่คือ ความไม่เป็นธรรมชาติของสถานการณ์
จึงแทนที่จะสยบและสกัด มวลชน ให้เกิดความหวาดกลัว แต่กลับสร้างความหงุดหงิด ไม่พอใจและอยากลองของ
สถานการณ์จะเป็นเช่นใด วันที่ 25 สิงหาคมมีคำตอบ