ความจริง บทบัญญัติอันปรากฏผ่าน “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560” ก็เด่นชัดเป็นอย่างยิ่งในเจตจำนงของคณะรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

คือ สืบทอด “อำนาจ” ในทางการเมืองอย่างแน่นอน

แต่ก็เป็นการสืบทอดโดยที่หัวขบวนไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มิได้ยอมรับออกมาตรงๆ

หากแต่แบ่งรับแบ่งสู้

กระนั้น เมื่อโฉมแห่ง “ครม.สัญจร” ปรากฏขึ้นบ่อยครั้งเข้า ไม่ว่าจะเป็นที่นครราชสีมา ไม่ว่าจะเป็นที่พระนครศรีอยุธยา ล่าสุด

ยิ้มก็ย่อมมองเห็นแก้ม แย้มก็ย่อมมองเห็นไรฟัน

จึงไม่แปลกที่บรรดารุ่นพี่ทางการเมืองไม่ว่าจะเป็น นายจาตุรนต์ ฉายแสง แห่งพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งพรรคประชาธิปัตย์

ก็มองออก แทงทะลุ

แม้กระทั่งตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปะเข้ากับการออกมาต้อนรับของ นายวราวุธ ศิลปอาชา ประสานเข้ากับ นายประภัตร โพธสุธน ก็เผลอหลุดออกมา

“นี่แหละคือบรรยากาศแห่งการเลือกตั้ง”

แน่นอน เมื่อเข้าสู่บรรยากาศแห่งการเลือกตั้งก็ย่อมอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งการหาเสียงสร้างคะแนนนิยมในทางการเมือง

เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มองเห็นแต่ด้านของ “เขา”

แท้จริงแล้ว กระบวนการในแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเดินสายอย่างเอาการเอางานอยู่ในระยะหลังนี้ คือ กระบวนการหาเสียง สะสมคะแนนนิยม

หากไม่เล่นการเมืองจะทำไปทำไมเล่า

ก็ต้องดูกระบวนท่าแบบที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ปฏิบัติในห้วงแห่งการดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี หลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549

เรียบๆ เฉยๆ ถึงเวลาก็จรจากไป

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขยันขันแข็งอย่างยิ่งและรับเอาทุกผลสะเทือนมาเป็นของตน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ 3 ปีก่อนหรืออีก 3 ปีข้างหน้า

เด่นชัดว่าคงไม่หนีหายไปไหนแน่นอน

ประชาชนจึงต้องหัดที่จะมีชีวิตอยู่ในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างยาวนานไม่เพียงแต่ 4 ปีแรก หากแต่ยังอีก 4 ปีหลัง

เพราะว่า “ยุทธศาสตร์” ก็มิใช่ระยะสั้นหากแต่ยาวถึง 20 ปี

ประชาชนต้องถามตัวเองว่า 3 ปีแรกรู้สึกอย่างไร และอีก 3 ปีหลังจะรู้สึกอย่างไรภายใต้ระบอบประชาธิปไตยในแบบคสช.

เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน