ประหนึ่งว่าการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นกระบวนการเดียวกันกับกรณีการหายตัวไปของ นายทักษิณ ชินวัตร
มีความคล้าย แต่ก็มีความแตกต่าง
การหายตัวไปของ นายทักษิณ ชินวัตร มิได้ดำเนินไปในลักษณะ “ปิดลับ” หากแต่กระทำอย่างเปิดเผย
รับรู้กันทั้งในและต่างประเทศ
ตรงกันข้าม กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความสลับซับซ้อนมากกว่า เนื่องจากเป็นการหายตัวไปในลักษณะ “หลบหนี”
สีสันของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงมีมากกว่า
กรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละทำให้ฝ่ายที่ต้องการทำลายล้างจากปฏิบัติการเมื่อเดือนกันยายน 2549 จำเป็นต้องเดินหน้า
เดินหน้าล้มรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช
เมื่อล้มรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ได้ แต่อีกฝ่ายก็เปลี่ยนหน้า เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
จึงต้องงัดวิทยายุทธ์มายุบพรรคพลังประชาชน
เมื่อกลายมาเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ การไล่ล่า นายทักษิณ ชินวัตร ก็ดำเนินไปด้วยความคึกคัก เข้มข้น แต่ก็ไม่สามารถลากตัว นายทักษิณ ชินวัตร มาดำเนินคดีได้
มาถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเพิ่มความซับซ้อนขึ้น
จากที่ศาลออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในตอนสายของวันที่ 25 สิงหาคม กระทั่งมาถึงวันที่ 27 กันยายน ก็ยังไม่มีคำตอบที่เด่นชัด
ไม่มีคำตอบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ที่ไหน
เจ้าพนักงานสอบสวนไม่สามารถระบุหรือยืนยันได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกไปจากประเทศแล้วหรือไม่ เพราะทุกอย่างจบลงที่อรัญประเทศ สระแก้ว
เวลา 1 เดือนจึงเป็นเวลาที่อยู่ในความมืดมน
แม้จะสามารถระบุว่ามี 3 นายตำรวจพัวพันอยู่กับรถคัมรี่จากกทม.ไปยังอรัญประเทศ สระแก้ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีคำตอบใดๆ ทั้งสิ้น
กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงหายไปกับรถกระบะ
มองอย่างผาดเผิน กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ละม้ายเหมือนกับกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร แต่หากหยั่งลึกลงไปในรายละเอียด
ก็จะเห็นได้ในความแตกต่าง
ความแตกต่างก็คือ กรณี นายทักษิณ ชินวัตร มิได้เป็น “ปริศนา” แต่กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังอยู่ในกรอบแห่ง ไปริศนา”
จนถึงวันที่ 27 กันยายน ก็ยังไม่มี “คำตอบ”
