หลังการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังคำพิพากษาจำคุก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และ นายภูมิ สาระผล มีการประเมินพรรคเพื่อไทยและนปช.คนเสื้อแดงในทางร้าย
1 อนาคตของพรรคเพื่อไทยคงไม่ดีนัก
1 เมื่ออนาคตของพรรคเพื่อไทยดำเนินไปในแบบ “มังกรไร้หัว” ย่อมส่งผลสะเทือนต่อบทบาทของนปช.คนเสื้อแดงตามไปด้วย
น่าสนใจก็ตรงที่เป็นการประเมินจาก 2 ฝ่าย
นั่นก็คือ ฝ่ายของปรปักษ์และต้องการเห็นความพินาศล่มจมของพรรคเพื่อไทยและนปช.คนเสื้อแดงอยู่แล้ว
นั่นก็คือ ฝ่ายที่เห็นอกเห็นใจพรรคเพื่อไทยและนปช.แต่ก็ต้องการก้าวข้ามไป
ทั้งๆ ที่มีแต่ภายในพรรคเพื่อไทย ภายในนปช.คนเสื้อแดงเท่านั้นที่จะให้คำตอบได้อย่างใกล้เคียงกับความเป็นจริง
แถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยว่าจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์บังเกิดขึ้นในประเทศให้จงได้
ถูกมองว่าเสมือนเป็นการปลุกปลอบขวัญกำลังใจ
ขณะที่นปช.คนเสื้อแดงแม้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นางธิดา ถาวรเศรษฐ จะดูขันแข็ง แรงไม่ตก แต่ก็ไม่คึกคักเหมือนในกาลอดีต
จึงเหมือนกับทั้งพรรคเพื่อไทยและนปช.จะค่อยๆ หมดบทบาทไปจริง
กระนั้น เมื่อดูความคึกคักอันมาจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ นายวัฒนา เมืองสุข ที่เห็นว่าหมดเรี่ยวสิ้นพลังก็น่าจะไม่จริง
อย่างน้อย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ยังเป็นขวัญกำลังใจอยู่
ข้อควรสังเกตก็คือ คำพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกมาในวันที่ 27 กันยายน แทบมิได้ผิดไปจากความคาดหมาย
หากไม่คาดหมายเช่นนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงไม่หายตัวไป
จากนี้สถานการณ์ก็ตรูไปแวดล้อมอยู่กับ 1 ท่าทีและการเคลื่อนไหวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าจะมีท่าทีอย่างไร
และจะกำหนดทิศทางในทางการเมืองอย่างไร
ขณะเดียวกัน 1 คือ ท่าทีจากคสช.และรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ย่อมจะต้องขยายผลจากคำพิพากษาของศาลอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างรอคอยว่าใครจะไสช้างออกมาก่อน
ไม่ว่าคสช.จะเดินตามโรดแม็ปโดยจัดให้มีการเลือกตั้งภายในปลายปี 2561 ได้ หรือว่ามีเหตุอันจำเป็นต้องเลื่อนไปเป็นปี 2562
แต่ประเด็นการเลือกตั้งก็จะร้อนขึ้นตามลำดับ
ร้อนเหมือนๆ กับประเด็นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อันมีพรรคเพื่อไทยและนปช.คอยประสานอยู่ในประเทศ
