ทั้งๆ ที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ก็ไม่กล้าระบุว่าหลังขึ้นรถกระบะที่อรัญประเทศ สระแก้ว แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มุ่งหน้าไปทิศทางใด

แต่ นายสมชาย แสวงการ ตรงไปตรงมา

“ข่าวยืนยันแน่นอนมาแต่ต้นว่า ออกจากไทยเมื่อวันพุธที่ 23 สิงหาคม เข้าไปกัมพูชาในตอนค่ำและขึ้นเครื่องบินส่วนตัวออกไปตอน 00.20 น. บินถึงดูไบเช้าวันพฤหัสฯ ที่ 24 สิงหาคม และล่าสุดบินออกจากดูไบใช้พาสปอร์ตเอกสิทธิ์เล่มแดงไปลอนดอน”

เส้นทางชัดจากสระแก้วไปกัมพูชา จากกัมพูชาไปดูไบ และจากดูไบไปลอนดอน

ไม่ว่าจะเป็นการเปิดในฐานะส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช.

ล้วนเป็นเรื่อง

คำว่าเป็นเรื่องในที่นี้ต้องย้อนกลับไปรับฟัง “ข้อมูล” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีอยู่ในมือ

1 สอบถามผ่าน 190 ประเทศเครือข่ายอินเตอร์โพล

มีบางประเทศอันเป็น “เป้าหมาย” เฉพาะว่าน่าจะเป็นเส้นทางที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องผ่านไม่มีประเทศใดยืนยันการเดินทางไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

1 ผู้ช่วยทูตตำรวจประจำกรุงพนมเปญก็ได้รับคำปฏิเสธจากกัมพูชา

แสดงว่าเส้นทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ นายสมชาย แสวงการ ได้มา อาจเป็นคนละช่อง คนละสายสัมพันธ์

อย่างน้อยก็บอกกับ “ตำรวจไทย” ไปอีกอย่าง

ตัวอย่างที่ร้อนแรงอย่างที่สุดน่าจะมาจากแหล่งข้อมูลภายในกัมพูชาประชาธิปไตย เพราะมีการปฏิเสธตั้งแต่ระดับรากถึงระดับบนสุด

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนก็เพิ่งสวมกอดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เป็นการสวมกอดภายหลังการยืนยันอย่างเป็น “ทางการ” ว่าไม่มีหลักฐานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางเข้ากัมพูชา ข้อมูลของ นายสมชาย แสวงการ เท่ากับชี้ว่าตรงกันข้าม

นั่นย่อมแสดงว่า หาก นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ไม่ได้พูดตามข้อเท็จจริง ข้อมูลของ นายสมชาย แสวงการ มีรากฐานความเป็นมาอย่างไร

ทั้งนี้แทบไม่ต้องพูดถึงดูไบ แทบไม่ต้องพูดถึงลอนดอน

ข้อมูลของ นายสมชาย แสวงการ ทำให้การตั้งข้อสังเกตของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เรื่องความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

หรือว่าประเทศเพื่อนบ้านไม่รักประเทศไทยจริง

หรือว่าประเทศเพื่อนบ้านให้ความร่วมมือกับบุคคลซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับทางการไทยในปัจจุบัน มากกว่าที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในขณะนี้

ทุกอย่างล้วนแต่เป็น “คำถาม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน