มีความจำเป็นที่ “นักการเมือง” จักต้องแสดงบทบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อ “ปฏิญญา ทำเนียบขาว” ซึ่งสัมพันธ์กับ “การเลือกตั้ง” โดยตรง

มิใช่จากพรรคเพื่อไทย มิใช่จากพรรคประชาธิปัตย์

หากแต่พรรคชาติไทยพัฒนาก็จะต้องมีคนอื่นออกมา มิได้มีแต่เพียง นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล หรือ นายนิกร จำนง ซึ่งเป็นคนหน้าเดิม

เป็นไปได้ว่าอีกไม่นาน นายวราวุธ ศิลปอาชา ก็ต้องสำแดง

อย่างน้อยในตอนนี้พรรคภูมิใจไทยก็เริ่มส่ง นายทรงศักดิ์ ทองศรี จากบุรีรัมย์ ออกมาคอมเมนต์เกี่ยวกับกฎหมายพรรคการเมืองและการปลดล็อก

มีความจำเป็น

การที่บรรดา “นักการเมือง” เริ่มออกมาแสดงบทบาท อาจสร้างความหงุดหงิด อืดเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยวให้กับ “นักลากตั้ง” มากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะอยู่ใน “สนช.” ไม่ว่าจะอยู่ใน “สปท.”

แต่หากคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงที่ภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 บรรดา “นักลากตั้ง” ต่างแสดงบทบาทกันอย่างคึกคัก

จะแปลกอะไรที่ในตอนนี้จะเป็นวาระของ “นักเลือกตั้ง” บ้าง

เวลา 3 ปีเศษจากหลังเดือนพฤษภาคม 2557 มายังหลังเดือนพฤษภาคม 2560 เป็นโอกาสของบรรดา “คุณห้อย คุณโหน” ประชาชนยังอดทนรับได้

แล้วการมาของ “นักเลือกตั้ง” ประชาชนก็ย่อมอดทนได้เหมือนกัน

มีความเชื่อมั่นว่าหลังพระราชพิธีสำคัญ หลังการปลดล็อกให้กับพรรคการเมืองในเดือนพฤศจิกายน บทบาทของ “นักการเมือง” จะยิ่งทวีความเข้มข้น

ไม่ว่าต่อปัญหาการเมือง ไม่ว่าต่อปัญหาเศรษฐกิจ

เวทีมิได้เป็นของ นายสมชาย แสวงการ หรือ นายเสรี สุวรรณภานนท์ เท่านั้น หากแต่จะเป็นของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หากแต่จะเป็นของ นายสนธยา คุณปลื้ม มากขึ้น

ยิ่งผ่านเดือนธันวาคม 2560 เข้าสู่เดือนมกราคม 2561 ยิ่งจะคึก

เพราะนั่นเท่ากับสะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายลูก 4 ฉบับสำคัญผ่านจากกรธ.ไปอยู่ในมือของสนช.แล้วโดยสมบูรณ์ ปี่กลองของการเลือกตั้งอยู่อีกไม่ไกล

ปลายปี 2561 อาจยังไม่ได้เลือก แต่ไม่น่าจะพ้นต้นปี 2562

เมื่อฤดูกาลทางการเมืองเริ่มแปรเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ คนเล่นหน้าเก่า คนเล่นหน้าใหม่ก็จำเป็นต้องเสนอตัวเข้าสู่การพิจารณา

นี่เป็นธรรมดาของ “การเลือกตั้ง”

นี่เป็นจุดอันแตกต่างอย่างสำคัญ เพราะ “นักลากตั้ง” เสนอตัวให้ผู้มีอำนาจจากรัฐประหาร แต่ “นักเลือกตั้ง” เสนอตัวให้กับประชาชน

เผด็จการ กับ ประชาธิปไตย มีเส้นแบ่งตรงนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน