ความพยายามในการแยก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นความพยายาม 1 ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ปีที่ 1 หลังรัฐประหาร
ความน่าสนใจอย่างเป็นพิเศษก็คือ ความพยายามนี้มิได้มาจากพรรคเพื่อไทย มิได้มาจากนปช.คนเสื้อแดง
2 กลุ่มการเมืองนี้แตะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่มาก
ตรงกันข้าม กลุ่มที่ต้องการในเป้าหมายนี้เด่นชัดว่า มาจาก 1 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ 1 มาจากบางส่วนภายในกปปส.
นี่คือความละเอียดอ่อนของ “การเมือง”
ระหว่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแม้จะมีลักษณะ “ร่วม” ในความเรียกร้องต้องการ “รัฐประหาร” เหมือนกันกับกปปส.
แต่ในจุด “ร่วม” นี้ก็มี จุด “ต่าง”
มิใช่ต่างที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีบทบาทเป็นอย่างสูงก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ขณะที่กปปส.มีบทบาทเป็นอย่างสูงก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
หากแต่อยู่ที่ว่า “หลัง” รัฐประหารแล้วเป็นอย่างไร
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่หัวขบวนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูก “เช็กบิล” อย่างต่อเนื่อง ขณะที่หัวขบวนของกปปส.อยู่ดีมีสุขกันถ้วนหน้า
นี่คือความขื่นลึกที่ดำรงอยู่ในหมู่ “พันธมิตร”
ต่อรัฐบาลคสช.ท่าทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยดำเนินไปอย่างมีลักษณะจำแนกแยกแยะอย่างเด่นชัด
1 สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เต็มที่
ขณะเดียวกัน 1 ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ วางระยะห่างและ 1 ปีหลังรัฐประหารก็มีท่าทีที่ขุดคุ้ย โจมตี อย่างเป็นระบบ
ดำเนินยุทธวิธีในแบบ “ตีวัวกระทบคราด”
อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่าน 3 ปีของคสช.มาความน่าสนใจอยู่ตรงที่บางส่วนในกปปส.กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเห็นตรงกันในยุทธวิธีแยก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ถึงกับเสนอให้ “ปลด” ออกในการปรับครม.
เรียกตามภาษากลยุทธ์ กระบวนท่าเช่นนี้คือ การโดดเดี่ยว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือการเรียกร้องให้เปลี่ยนม้ากลางลำธาร
ผลเสียจะตกแก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แม้ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่เห็นด้วย แต่แผลก็จะปรากฏตามเนื้อตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในที่สุด