อาจกล่าวได้ว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เคยยืนยันว่าการเลือกตั้งจะไม่เป็นไปตามที่ “โรดแม็ป” ได้กำหนดเอาไว้ นั่นก็คือ ปลายปี 2561

ยืนยันเป็นคนแรก

แม้จะได้รับการโต้กลับจากทั้ง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ว่าไม่น่าจะเป็นไปเช่นนั้น

แต่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ก็มิได้สวนทางอะไร

แต่พลันที่คสช.ยังยื้อเวลาในการปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ เสียงพูดถึงการเลื่อนกำหนดการเลือกตั้งจึงหวนกลับมาดังอีกหน

เท่ากับมองสัญญาณผ่าน “การปลดล็อก”

การตั้งข้อสังเกตจากนักการเมืองในแต่ละพรรคได้กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะจากพรรคชาติไทยพัฒนา หรือแม้แต่พรรคภูมิใจไทย

แต่กล่าวสำหรับคนนอกแวดวงก็เริ่มดัง

อย่างน้อยที่สุด นางสดศรี สัตยธรรม ซึ่งเคยเป็นกรรมการกกต.ทางด้านการเลือกตั้งก็ออกมาระบุว่าหากคสช.ไม่ปลดล็อกพรรคการเมืองตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

มีความเป็นไปได้ยากที่จะมีการเลือกตั้งในปี 2561

ประเด็นอยู่ที่เมื่อคำสั่งคสช.ขวางต่อบทบาทและความหมายของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ผลก็คือ พรรคการเมืองไม่สามารถขยับขับเคลื่อนอะไรได้

แม้แต่จะทำตาม “กฎหมาย” ก็ตาม

ปมเงื่อนจึงอยู่ที่ว่าพรป.ว่าด้วยพรรคการเมืองต่างหากที่มีผลบังคับให้พรรคการเมืองต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้ แต่ที่ไม่สามารถทำได้เพราะคำสั่งคสช.

คำสั่งคสช.ห้ามพรรคการเมืองเคลื่อนไหว

ความผิดพลาด คลาดเคลื่อน อันทำให้ระยะเวลาของการเลือกตั้งอาจต้องยื้อและเลื่อนออกไปจึงมิได้เริ่มมาจากนักการเมืองหรือพรรคการเมืองหากแต่มาจากคำสั่งคสช.

แม้คสช.จะมีอำนาจเต็มมือ แต่ยิ่งยื้อยาวนานออกไปเพียงใดกระทั่งในที่สุดไม่สามารถเลือกตั้งได้ตามโรดแม็ปภายในปลายปี 2561 ประชาชนก็จะมองเห็นได้อย่างเด่นชัด

เด่นชัดว่าปัญหามีรากงอกมาจากที่ใด

เหมือนกับความพยายาม “ยื้อ” เวลาของการเลือกตั้งให้ยาวนานออกไปจะถือเป็นมาตรการรุก เป็นฝ่ายกำหนดเกมอันมาจากคสช.

แต่ภายในการรุกนี้ก็มีไฝฝ้า ราคีในทางการเมือง

ไฝฝ้า ราคีนั้นเป็นอย่างไรแทบไม่จำเป็นต้องหยิบยกนำมากล่าวซ้ำ เพราะทางฝ่ายของนักการเมืองได้แจกแจงเอาไว้อย่างครบถ้วน

ภายในการรุกนั่นแหละที่คสช.ก็ตกเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน