วิเคราะห์การเมือง
ที่เคยคิดกันว่ากรณีการตรวจพบอาวุธสงครามและวัตถุระเบิด ณ บ่อกลางทุ่งนา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา จะเป็น “ประเด็น” อันแหลมคมในทางการเมือง
ไม่เพียงแต่จะกระหน่ำเข้าใส่ “ปรปักษ์” บางคน
เรียงแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งจาก นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ กระทั่งถึง นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร ซึ่งถือว่าเป็น “ฮาร์ดคอร์” ของเสื้อแดง
หากยังอ้างอิงเป็นเหตุผลที่จะไม่ “ปลดล็อก” ให้กับพรรคการเมือง
แต่เมื่อแต่ละตัวละครปรากฏตัวออกมาและเคลื่อนไหวผ่าน “หมายจับ” อันเพิ่งอนุมัติเห็นชอบโดยศาลอาญาสดๆ ร้อนๆ ก็เริ่มเกิดความไม่แน่ใจ
ไม่แน่ใจปานๆ กับกรณี Richard Mille นั่นเทียว
นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แทนที่จะเป็นตัวล่อเป้า หรือเรียกแขก ตรงกันข้าม กลับก่ออาการอืดเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยวกันถ้วนหน้า
แม้จะยังดูสดใหม่เมื่อ 3 ปีก่อน
แต่กล่าวสำหรับนับแต่ปี 2560 เป็นต้นมาดูเหมือนว่ารายละเอียดอันเกี่ยวกับ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ไม่แน่ว่าจะเป็นประโยชน์
ยิ่งข่าวว่าถูกอุ้มอย่างลึกลับ ยิ่งทำให้ต้องปิดเกม
กระนั้น เมื่อประสบเข้ากับการเคลื่อนไหวของ นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร และ พล.ท.มนัส เปาริก ตลอดจน นายจักรภพ เพ็ญแข ยิ่งทำให้เรื่องแตกปลายบานออกไป
ยิ่งบาน ยิ่งทำให้วิตกมากกว่าจะดีใจ
ที่ล่อแหลมเป็นอย่างมากมิใช่รายละเอียดของ นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร หรือแม้กระทั่ง พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3
หากแต่อยู่ที่ลีลา นายจักรภพ เพ็ญแข มากกว่า
คำถามก็คือ ตำแหน่งแหล่งที่อยู่ของ นายจักรภพ เพ็ญแข ก็เหมือนๆ กับกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ “ล่องหน” ไปอย่างลึกลับกลางดึกของคืนวันที่ 23 สิงหาคม นั่นแหละ
ถามว่ารู้กันหรือยังว่าอยู่ที่ไหน
กล่าวสำหรับ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ล่องหนไปเมื่อเดือนสิงหาคมจนป่านนี้ทุกสถานเอกอัครทูตไทยก็ไม่มีรายงาน ไม่ว่าที่นครดูไบ ไม่ว่าที่กรุงลอนดอน
แล้วเงาร่างของ นายจักรภพ เพ็ญแข ก็ยังเป็น “ปริศนา”
ยิ่งกว่านั้น แถลงการณ์ฉบับที่ 2 ซึ่งออกมาจาก นายจักรภพ เพ็ญแข และปรากฏเป็นข่าวในสื่อหนังสือพิมพ์หลายฉบับนอกจากปฏิเสธความเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด
ยังยืนยันว่าจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ เหมือนก่อนๆ อีกแล้ว
ตรงกันข้าม จะเดินทางไปยัง “มิตรประเทศ” (เขาใช้คำคำนี้) และจะเดินทางไปแม้กระทั่งสำนักงานใหญ่ตำรวจสากลเพื่อแถลงข้อเท็จจริงในอีกด้าน
นี่คือ โจทย์ใหม่ในทางการเมืองสำหรับประเทศไทย
