เหมือนกับการเดินทางเข้าอวยพรและขอพรปีใหม่ของบรรดาอดีตส.ส.จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง

เพราะยังอยู่ในบรรยากาศแห่ง “ปีใหม่”

หากมองว่าเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และคณะก็เพิ่งเดินทางเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์

และได้รับพรว่าด้วย “กองหนุน” มาเต็มพิกัด

ปรากฏการณ์ของอดีตส.ส.ซึ่งนำโดย นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ จึงใกล้เคียงกันและสามารถมองได้ว่าเป็นเรื่องที่ดำเนินไปตามช่องทางขนบธรรมเนียมและประเพณีอันดีงาม

คำถามก็คือ ทำไมจึงกลายเป็น “ข่าวพาดหัว”

การที่สื่อไม่ว่าหนังสือพิมพ์อันถือว่าเป็นสื่อเก่า ไม่ว่าออนไลน์อันถือว่าเป็นสื่อใหม่ให้ความสนใจต่อกรณีของอดีตส.ส.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพรรคเพื่อไทย

นั่นแหละ คือการสะท้อนว่าเป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา”

เมื่อมองผ่านสภาพที่พรรคการเมืองยังติดอยู่กับแอกแห่งคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 57/2557 ห้ามเคลื่อนไหว

ผนวกเข้ากับคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 เพื่อ “มัดตราสัง”

การออกโรงของอดีตส.ส.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อ้างว่ากว่า 100 ชีวิต เท่ากับเป็นการแสดงพลานุภาพอย่างหนึ่งในทางการเมืองให้เป็นที่ปรากฏ

ถึงขั้น “ขอมอบให้เพื่อไทยทั้งชีวี”

ต้องยอมรับว่าการเคลื่อนของอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยครั้งนี้มีเจตนาการในทางการเมืองอย่างเด่นชัด เพราะเป้าของการเคลื่อนไหวดำเนินไป 3 เป้าใหญ่

1 เป็นที่พรรคเพื่อไทย เป็นกรรมการบริหารพรรค

1 ซึ่งไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด พวกเขาส่วนหนึ่งยังไปอวยพรและขอพรจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ นายเสนาะ เทียนทอง

2 คนนี้เป็น “ขาใหญ่” ในทางการเมือง

ไม่ได้เป็นขาใหญ่อย่างธรรมดา เพราะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2539 ท่านทั้ง 2 ได้เคยก่อปรากฏการณ์ใหญ่หลวงมาแล้วโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

และตอนนี้ก็ผ่องถ่ายพลานุภาพนี้มายัง “เพื่อไทย”

หากมองว่าเป็น “สัญญาณ” ปรากฏการณ์นี้ของพรรคเพื่อไทยเท่ากับยืนยันอีกคำรบ 1 ว่าฐานใหญ่ในทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ไหน

อยู่ที่อีสาน ตะวันออกเฉียงเหนือแน่นอน

พื้นฐานเด่นชัดว่า โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะกวาด ส.ส.เขตจากภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเป็นกอบเป็นกำยังมีความเป็นไปได้สูงอย่างสูงยิ่ง

เพราะชีวิตนี้ให้ใครไม่ได้แล้วนอกเสียจาก “เพื่อไทย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน