การดำรงอยู่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ การดำรงอยู่ของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ กำลังทดสอบพลังของคสช.และพลังของรัฐมนตรีอย่างแหลมคมยิ่ง

การดำรงอยู่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นไปตามคาด

ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยกล่าวระหว่างเดินทางไปตรวจราชการที่ภาคตะวันออก นั่นก็คือจันทบุรี

นั่นก็คือ “รักนายกฯ ก็ขอให้รักรองนายกฯ” ด้วย

แรงกดดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นมีมาตั้งแต่ก่อนการปรับครม. “ประยุทธ์ 5” มาแล้ว แต่ไม่มีผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมทำตาม

กระนั้น การดำรงอยู่ของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ก็น่าคิด

หากมองเผินๆ ตามกระบวนการ “นามของคน เงาแห่งไม้” เหมือนๆ กับว่า นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นรัฐมนตรีในแบบ “ข้าวนอกนา”

นั่นก็คือ เป็นคนนอกแวดวง “คสช.”

เริ่มต้นเข้ามาในตำแหน่ง 1 กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ต่อมา 1 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ และที่สุดก็ทะยานไปสู่ 1 รัฐมนตรีว่าการ

ระหว่างปรับครม. “ประยุทธ์ 5” มีข่าวว่าอาจ “หลุด”

ที่สามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และที่สามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้แม้จะมีกระแสคลิปดังมาจากบีบีซี กรุงลอนดอน แสดงว่าไม่ธรรมดา

มิใช่เพียงเพราะคำ “ขอโทษ” อย่างแน่นอน

ปัจจัยอันทำให้จำเป็นต้องรั้งดึงให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ไม่จำเป็นต้องลาออกอย่างที่ลั่นคำเอาไว้ต่อนักเรียนไทยในกรุงลอนดอนอาจมาจาก

1 เร็วเกินไปที่จะปรับ “ประยุทธ์ 5”

เพราะว่าคสช.เพิ่งผ่านการปรับครม.มาเมื่อเดือนธันวาคม 2560 หากผ่านมาเพียงไม่ถึง 2 เดือนดีก็ต้องปรับเป็น “ประยุทธ์ 6” แล้วคงไม่เป็นเรื่องดี

1 ความสามารถเฉพาะตัวในการยืดได้ หดได้

การยินยอมกล่าวคำ “ขอโทษ” ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นสักขีพยาน ถือได้ว่า นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ยินยอมอย่างสิโรราบ

เหมือนกับจะเป็นการจบ แต่แท้จริงแล้วยังไม่จบหรอก

กรณีของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นกรณีอย่างที่เรียกว่าอื้อฉาว อึกทึกครึกโครมจากกรุงลอนดอนมายังตึกไทยคู่ฟ้า

เป็นเรื่องประเภทพูดกันสนั่นเมือง

และเป็นอาการสนั่นเมืองอย่างสอดรับกับอารมณ์ความรู้สึกของชาวบ้านอย่างยิ่งยวด จึงกลายเป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง

เรื่องนี้จะยาวออกไปเหมือนเรื่อง “นาฬิกา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน