วิเคราะห์การเมือง

เหมือนกับว่าเมื่อ “โฆษก” ไม่ว่าจะจากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะจากคสช.ออกมาประสานเสียงในเรื่องการปั่นและสร้างสถานการณ์ “ราคาข้าว” จากองค์ประกอบ

1 กลุ่มทางการเมือง และ 1 กลุ่มโรงสี

จะทำให้วิกฤตอันเนื่องแต่ “ราคาข้าว” ยุติลงไปได้อย่างเรียบร้อยและราบรื่น บรรดา “โฆษก” ทั้งหลายก็ชะแว้บไปนั่งอยู่ข้างริงไซด์

คอยดู “รอยยิ้ม” จาก “ชาวนา” อย่างพึงพอใจ

กระนั้น เมื่อดูความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะมาจาก “สมาคมโรงสีข้าวไทย” ไม่ว่าจะมาจาก “สมาคมชาวนาไทย” ทุกอย่างกลับมิได้เป็นไปอย่างนั้น

เพราะว่าเรื่องของ “ราคา” เป็นเรื่องของ “กลไกตลาด”

เป็นกลไกตลาดอันสัมพันธ์ไม่เพียงแต่กับ “ผู้ผลิต” หากยังต้องยึดโยงอยู่กับ “ผู้ซื้อ” และโยงสายยาวไปยัง “ตลาดโลก” อย่างมิอาจปฏิเสธได้

“กลไกตลาด” นี้แหละที่ควบคุมและบงการทุกอย่าง

การออกมาของ “สมาคมโรงสีข้าวไทย” ทำให้สังคมเข้าใจกระบวนการ “อุตสาหกรรมข้าว” อย่างลึกซึ้งตามสภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่

1 โรงสีมิอาจกำหนดราคาได้อย่างเสรี ตามใจตัวเอง

ตรงกันข้าม 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมาก “ราคา” กำหนดโดย “พ่อค้า” และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้ส่งออก”

ขณะเดียวกัน กลไกที่กำหนด “ผู้ส่งออก” คือ “ตลาดโลก”

การระบุว่า “โรงสี” เป็นผู้ร้าย กระทำการภายใต้คำบงการโดย “กลุ่มการเมือง” อาจฟังแล้วมีสีสันทำให้เห็นว่า วิกฤตอันเนื่องแต่ราคาข้าวมิได้เกี่ยวกับการบริหารจัดการในด้าน “นโยบาย” ของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของคนอื่น 1 คือ กลุ่มการเมือง และ 1 คือ กลุ่มโรงสี

เหมือนกับง่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่ามี “ผลสะเทือน” กว้างไกล

ประเด็นอยู่ที่ว่า “กลุ่มการเมือง” และ “เจ้าของโรงสี” สามารถเป็นผู้บงการและกำหนด “ราคา” ได้อย่างแท้จริงหรือไม่

เพียงจุดใดจุดหนึ่ง อาจมีความเป็นไปได้

แต่หากมองจากเสียงร้องของชาวนาที่ดังมา ไม่ว่าจะเป็นที่สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท แสดงว่ามิได้มีแต่ที่พิจิตรเพียงจังหวัดเดียว

ตรงกันข้าม ความเดือดร้อนเกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างกว้างขวาง

กว้างขวางไม่เพียงแต่ภาคเหนือตอนล่างอย่างพิจิตร ตรงกันข้ามครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และรวมถึงภาคกลางอันถือว่าเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ

“ความเป็นจริง” ตรงนี้ต่างหากที่ “ฟ้องร้อง” ออกมา

ก็เหมือนอย่างที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เคยสรุปออกมาอย่างคมคาย ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง

หากเป็นปัญหาทางการเมืองแล้วเอาวิธีการทางทหารมาแก้ก็จะบานปลาย หากเป็นปัญหาทางการทหารแล้วเอาการเมืองมาแก้อย่างลวกๆ ก็จะบานปลายอีกเหมือนกัน

ความเป็นจริง คือ ปัญหา “ราคาข้าว” เป็นเรื่องทางเศรษฐกิจ มิใช่การเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน