วิเคราะห์การเมือง
การประกาศลาออก “ทั้งยวง” ของนายกและคณะกรรมการบริหารสมาคมโรงสีข้าวไทยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ถูกมองด้วยสายตาและความเห็นอันหลากหลาย
หลายคนมองว่า เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง
เมื่อไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกรัฐบาลและคสช.สรุป และไม่สามารถทำความเข้าใจได้ในกฎและกติกาอันกำหนดไว้ในทางสังคม
ก็ต้อง “แสดงสปิริต” อำลาจาก “ตำแหน่ง”
ขณะเดียวกัน ก็มีหลายคนที่มองว่าเป็นท่าทีอันสะท้อน “ปฏิกิริยา” และ “ความรู้สึก” ในทางการเมือง
เหมือนกับจะเป็นการ “ประท้วง” และ “วางยา”
หากรับฟังคำแถลงยาวเหยียดอันมาจาก นายมานัส กิจประเสริฐ ในฐานะนายกสมาคมโรงสีข้าวไทยก็จะเข้าใจว่า แท้จริงๆ แล้วมิได้เป็นเรื่อง “การเมือง” หากเป็นเรื่อง “เศรษฐกิจ”
เป็นธุรกิจในแบบ “ซื้อมา” และ “ขายไป” ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน
ที่ข้าวเปลือกราคาตกต่ำขอให้พิจารณาถึงราคาข้าวสารที่โรงสีขายออกไปด้วยว่าสอดคล้องกับราคาข้าวเปลือกหรือไม่
ราคาที่โรงสีขายออกไปสอดคล้องกับราคาข้าวเปลือก ไม่ได้สวนทางแต่อย่างใด
ณ ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ (ความชื้นร้อยละ 10) ตันละ 9,000-9,500 บาท ข้าวสารหอมมะลิตันละ 15,000 บาท
ข้าวเปลือกเจ้า (ความชื้นร้อยละ 15) ตันละ 11,000 บาท
พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเครื่องชั่งเพื่อความโปร่งใส และเสนอให้มีเครื่องชั่งกลางเพื่อให้ชาวนาตรวจสอบก่อนมาขายให้โรงสีด้วย ราคาข้าวเปลือกที่ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากราคาข้าวตลาดโลกที่ลดลงและผลผลิตข้าวออกมาปริมาณมาก
สมาคมพร้อมสนับสนุนชาวนาที่ขายข้าวให้กับเรา หรือชาวนาที่ต้องการขายข้าวเอง
แถลงตรงนี้ของ นายมานัส กิจประเสริฐ ในฐานะนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ต่างหากคือ “เนื้อหา” ในลักษณะอันเป็น “ใจกลาง” ทั้งหมด
เมื่อ “ถูก” เข้าใจผิดจาก “รัฐบาล” และ “คสช.”
เมื่ออธิบายตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน ดีมานด์ ซัพพลาย อุปสงค์ อุปทาน ของ “ตลาดข้าว” เป็นอย่างไรแล้วยังถูกสงสัย ยังถูกตรวจค้น จี้ติด
ก็มีแต่ต้องปล่อยให้ “กลไกตลาด” ได้พิสูจน์ตัวเอง เท่านั้น
เมื่อรัฐบาลและคสช.มองว่าปัญหาวิกฤตข้าวเปลือกอันเนื่องแต่ “ราคา” เป็นปัญหาทางการเมือง และโยนการเมืองมาให้กับสมาคมโรงสีข้าวไทย
รัฐบาลและคสช.ก็ต้องแบกรับ “ผลข้างเคียง” ของ “การเมือง” ต่อไป
จากประเด็นอันเกี่ยวกับ “สมาคมโรงสีข้าวไทย” คราวนี้ก็ขอให้รอดูประเด็นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ท่าทีอันมาจากซีกของ “รัฐบาล” ต่อการเดินทางไปเยี่ยมชาวนาในพื้นที่อุบลราชธานี ศรีสะเกษและสุรินทร์ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินไปอย่างไร
ผลสะเทือนจาก “ท่าที” นั้นก็จะหวนกลับมาอยู่กับ “รัฐบาล” จนได้
