คล้ายกับว่าบทสรุปอันมาจาก นายเสนาะ เทียนทอง ที่ว่า 1 จะไม่มีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และ 1 อาจจะเกิด “รัฐบาลแห่งชาติ” ขึ้น

จะสะท้อนสภาวะเลอะๆ เลือนๆ

เหมือนกับที่หลายคนมักจะมองและประเมิน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อออกมาแสดงความคิดเห็นในทางการเมืองก่อนหน้านี้

พื้นฐานเพราะคิดว่าบุคคลทั้ง 2 ล้วนเหยียบเข้า 80 กว่าๆ แล้ว

ขณะเดียวกัน กลับมองข้ามความเป็นจริงๆ ที่ทั้ง นายเสนาะ เทียนทอง และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผ่านร้อนหนาวในทางการเมืองมาอย่างไร เข้มข้นเพียงใด

หากย้อนไปพิจารณาอย่างจริงจังก็จะสัมผัสได้ในความห่วงใย

แม้จะ 84 ปีแล้ว แต่ นายเสนาะ เทียนทอง ยังเปี่ยมด้วยความคมชัดเมื่อทอดมองไปยังสภาพการณ์ทางการเมือง

อย่าลืมเป็นอันขาดว่ามาจากสระแก้ว มาจากปราจีนบุรี

นายเสนาะ เทียนทอง สัมผัสกับทหารตั้งแต่ยุค พล.อ.ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อยู่ในพื้นที่สระแก้วและปราจีนบุรีมาก่อนหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ทำไมไม่เข้าใจและรู้จักเหล่า “บูรพาพยัคฆ์”

ย่อมอ่านออกแทงทะลุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องการเดินไปสู่สนาม “การเลือกตั้ง” อย่างจริงจัง แค่ไหน

และหลัง “การเลือกตั้ง” แล้วสาหัสแค่ไหน ทำไมจะไม่รู้

ตัวอย่างที่ นายเสนาะ เทียนทอง ยกมาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ หลานๆ สื่อมวลชน นั่นเป็นแค่เด็กๆ เทียบไม่ได้หรอกกับบรรยากาศในสภาผู้แทนราษฎร

ที่เปรียบเทียบว่า “ไส้เดือนถูกขี้เถ้า” นั้นอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ

ถามว่าทำไม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จึงไม่ยอมเผชิญกับญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแล้วครั้งเล่า

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ย่อมรู้ดีในบทบาทของ “พ่อ” ตัวเองเป็นอย่างดี

การเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจาก “ปฏิญญาโตเกียว” กระทั่ง “ปฏิญญาทำเนียบขาว” ย่อมเด่นชัดว่าคสช.และโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลัวอะไร

ขณะเดียวกัน การเลื่อนแล้วเลื่อนอีกก็มี “รายจ่าย” ตามมามากมาย

เมื่อมองสภาพการณ์ทางการเมืองอย่างเข้าใจในด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มองอีกด้านอย่างเข้าใจเช่นเดียวกันว่าสถานการณ์จะดำเนินไปอย่างไร

ตรงนี้เองจึงได้นึกถึงคำว่า “รัฐบาลแห่งชาติ”

ท่าทีแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ นายเสนาะ เทียนทอง เท่านั้นที่คิด หากแม้กระทั่ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็คิดและเคยแย้มออกมาแล้วเหมือนกัน

เพียงแต่ไม่รู้ว่าจุดจบจะลงเอยอย่างไรเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน