เหมือนกับปฏิบัติการ “ดูด” นักการเมืองจาก “ทำเนียบรัฐบาล” ไม่ว่าจะเป็นกรณี นายสกลธี ภัททิยกุล ไม่ว่าจะเป็นกรณี นายสนธยา คุณปลื้ม นายอิทธิพล คุณปลื้ม จะสะท้อนเกมรุกอย่างต่อเนื่อง

สร้างความแข็งแกร่งก่อนเข้าสู่ “การเลือกตั้ง”

เท่ากับแสดงฝีมือและความสามารถในเครือข่ายและความสัมพันธ์ทางการเมืองของบุคคลระดับ “รองนายกรัฐมนตรี” บางคน

โชว์ฟอร์มร่วมกับ “รัฐมนตรี” อีกหลายคน

จึงนำไปสู่ความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า เส้นทางแห่งการสืบทอดอำนาจของคสช.จะดำเนินไปด้วยความราบรื่นเหมือนกับยืนอยู่บนเนินเขา

เพราะเป็นฝีมือระดับ “จอมยุทธ์”

หากมองจากด้านของกองเชียร์คสช.ก็ย่อมจะต้องใช้คำว่า “ผงาด” ต่อการได้ตำแหน่งของ นายสกลธี ภัททิยกุล ต่อการได้ตำแหน่งของ นายสนธยา คุณปลื้ม นายอิทธิพล คุณปลื้ม

ขณะเดียวกัน ก็ปรากฏคำว่า “ดูด” ตามมา

พลันที่มีการนำเอาคำว่า “ดูด” มาใช้เป็นกริยาในเชิงขยายบทบาทและความหมายก็จะมีคำว่า “ตกเขียว” ตามมาอย่างติดๆ

เท่ากับเป็นการ “ตกเขียว” จาก “ทำเนียบรัฐบาล”

พลันที่คำว่า “ตกเขียว” ปรากฏ ไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับกระบวนการค้าข้าว ไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับกระบวนการค้ามนุษย์

น้ำเสียงเป็นไปในทาง “ลบ”

อย่าได้แปลกใจหากจินตภาพทางการเมืองที่อุปมาฉันใด อุปไมยฉันนั้นอย่างคึกคักย่อมเป็นจินตภาพของการเมืองไทยในอดีต

อย่างที่เรียกติดปากว่า “วงจรอุบาทว์”

อย่างที่เคยเห็นอย่างหนาตาผ่านบทบาทพรรคเสรีมนังคศิลา ผ่านบทบาทพรรคชาติสังคม ผ่านบทบาทพรรคสหประชาไทย

และสดๆ ร้อนๆ ในความรู้สึกคือ “สามัคคีธรรม”

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ชะตากรรมของพรรคเหล่านี้ใช่ว่าจะสดใสงามตา แม้จะได้อำนาจก็จริง แต่บทลงเอยไม่งดงามเท่าใดนัก

เหตุใดจึงย้อนมาเกิดในยุคคสช.ได้ละหนอ

ในห้วงแห่งทศวรรษของความสูญเสียจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 มายังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

คนไทยผ่าน “วาทกรรม” มากมาย

ล้วนเป็นวาทกรรมยกย่อง “คนดี” และด่าทอคนเลวซึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในพรรคการเมืองที่เป็นนักการเมือง

แล้วเหตุใดจึงย้อนมาเกิดในยุค “คสช.” ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน