การเคลื่อนไหวของกลุ่ม Start Up กับ การเคลื่อนไหวของเครือข่ายทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ เป็นคนละเรื่อง เป็นคนละพื้นที่อย่างแน่นอน แจ่มชัด

กลุ่มแรก เป้าหมาย “อยากเลือกตั้ง”

เริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม คึกคักเป็นอย่างมากในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ค่อยๆ แผ่วลงในเดือนเมษายน

ทั้งแกนนำและผู้ร่วมชุมนุมต้องคดีกันเป็นพวงใหญ่

มีชื่อเรียกขานกลุ่มต่อเนื่องตั้งแต่ MBK กระทั่ง RDN และล่าสุดคือกลุ่มที่บุกไปยังหน้ากองบัญชาการกองทัพบก

เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าต่างจากที่ “ดอยสุเทพ”

ที่ดอยสุเทพกว่าจะมารวมตัวกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ “ทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ” มีการก่อตัวมานานแล้ว

นานตั้งแต่ภาพ “อาคาร” บนดอยสุเทพ-ปุยเริ่มปรากฏ

เริ่มจากการตั้งคำถามแต่ไม่ได้รับคำตอบ ไม่ว่าจะถามกองทัพบก ไม่ว่าจะถามศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตามที่มีการแถลงพวกเขาทวงถามไปถึงนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำไป

แต่ไม่มีอะไรคืบหน้านอกจาก “ความเงียบ”

ต่อเมื่อเกิดกรณี “เสือดำ” ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร ทำให้ความคิดรักป่า รักสิ่งแวดล้อมขึ้นสูงจึงเป็นอานิสงส์ทำให้เกิดเครือข่ายทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ

โดยเฉพาะเมื่อภาพถ่ายทางอากาศ “ป่าแหว่ง” ปรากฏขึ้น

มีความต่างอย่างแน่นอนระหว่างการเคลื่อนไหวของกลุ่ม Start Up กับ เครือข่ายทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ ไม่ว่าในเรื่องเป้าหมายและพรมแดน

แต่ก็มีลักษณะ “ร่วม” เหมือนกันอย่างน้อยก็ 2 จุด

1 ล้วนเป็นการเคลื่อนไหวจากกลุ่มเล็กๆ แต่ก็ค่อยๆ ขยายตัวเติบใหญ่เพราะว่าสอดประสานกับความรู้สึกลึกๆ ของผู้คน

1 การเคลื่อนไหวจะมีจุดร้อนในเดือนพฤษภาคม

กลุ่ม Start Up ถือว่าวันที่ 22 พฤษภาคม เป็นศูนย์กลางอย่างเด่นชัด เป็นวาระหนึ่งที่จะหวนกลับมารวมตัว

กลุ่มทวงคืนผืนป่าก็เอา “เดือนพฤษภาคม” เป็นจุดยกระดับ

จากนี้จึงเด่นชัดอย่างยิ่งว่าเดือนพฤษภาคมจะกลายเป็นการนัดพบอย่างสำคัญในทางการเมืองและที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ

เป็นวาระครบ 4 ปีของรัฐประหาร

รัฐประหารอันมีส่วนอย่างสำคัญทำให้การเมืองของสังคมไทยอยู่ภายใต้ระบอบ “คสช.” มาอย่างยาวนานและทำท่าว่าต้องการจะอยู่ต่อไปอีกอย่างไม่มีกำหนด

วาระ 4 ปีของรัฐประหาร จึงเท่ากับเป็น 4 ปีคสช.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน