ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
คดีอดีตเจ้าพนักงานที่ดินตายปริศนาในห้องขังของกรมสอบสวนคดีพิเศษ อันเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางมานับสัปดาห์ ดูเหมือนใกล้จะได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนแล้ว โดยยึดตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบด้าน
เราจะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการทำงานของผู้รับผิดชอบคดี โดยเฉพาะพ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าของท้องที่เกิดเหตุนั้น
ความเป็นพนักงานสอบสวนที่เชี่ยวชำนาญ อยู่กับตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัด
จะไม่มีการพูดจาให้สัมภาษณ์ที่ก้าวล้ำนำไปกว่าการทำงานที่เป็นจริง
กำลังตรวจพิสูจน์อะไรบ้าง กำลังรอผลด้านวิทยาการอย่างไรบ้าง พูดให้สังคมได้รู้เพียงว่ากำลังทำงานคืบหน้าเช่นไร
แต่จะไม่คุยโม้ชี้นำรูปคดีแต่อย่างใด
นี่ขนาดเห็นพยานหลักฐานในคดีนี้อย่างมากมาย ก็ยังไม่ผลีผลามฟันธงอย่างนั้นอย่างนี้!
ด้วยท่วงทำนองอย่างนี้ เชื่อว่าพอถึงบทสรุปคดี คงจะ มีการอธิบายได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เน้นตามผลพิสูจน์พยานหลักฐานจริงๆ
น่าจะสร้างความเชื่อถือให้แก่คนทั้งสังคมได้
จะสรุปว่าฆ่าตัวตายจริงๆ หรือเป็นการฆาตกรรม ถ้าหนักแน่นเป็นหลักเป็นฐาน ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ
อย่างที่เคยเขียนเอาไว้ว่า ในเบื้องต้นได้มีการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณทางเดินและหน้าห้องควบคุมที่เกิดเหตุ ไปแล้ว
โดยไม่ปรากฏพบบุคคลอื่นใดน่าสงสัยในช่วง เกิดเหตุ!
นอกจากนี้ วันก่อนกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ นำเอาถุงเท้าที่ระบุว่าใช้ในการผูกคอตายไปตรวจหาดีเอ็นเอ
ผลออกมาพบว่า นอกจากพบดีเอ็นเอของผู้ตายแล้ว ยังพบดีเอ็นเอของบุคคลอื่นอีกด้วย
แต่จะเป็นดีเอ็นเอของใคร ต้องรอตรวจพิสูจน์ ยังไม่ใช่ ข้อสรุปว่าเป็นดีเอ็นเอของคนร้ายเลยเถิดไปอย่างนั้น
สุดท้ายผลตรวจอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ก็ปรากฏออกมาแล้วว่า เป็นของหัวหน้าเวรห้องควบคุมที่วิ่งเข้าไปช่วยนั่นเอง
นี่เป็นตัวอย่างของการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ คือพบอะไรที่จะต้องไปตรวจหาเพิ่มเติม เพื่อเอาให้ชัดเจน
ไม่ใช่ว่าพบดีเอ็นเอเพิ่ม ก็ฟันธงทันทีว่า นี่แหละดีเอ็นเอของคนฆ่า
นี่เป็นตัวอย่างที่อธิบายได้ว่า ผลพิสูจน์ของแพทย์ ผลตรวจหลักฐานของนักวิทยาศาสตร์ จะบอกอะไรได้เพียงระดับหนึ่ง เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบเพิ่มเติมจนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน
หมอหรือนักวิทยาศาสตร์ ต้องรู้ขอบเขตบทบาทการทำหน้าที่
คิดอยากเป็นพระเอกนางเอกแล้วอวดเป็นนักสืบเมื่อไร
คดีนั้นสับสนอลหม่านสร้างปัญหาได้อย่างมากมายทุกที!
