ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
คดีอดีตเจ้าพนักงานที่ดินพังงาตายปริศนาในห้องขังของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น คนทำงานก็ทำกันไป เก็บรายละเอียดพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ เพื่อเตรียมตอบคำถามสังคมให้ได้ทุกปมประเด็น เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้ายในการสรุปคดี
แต่ระหว่างที่คนทำก็ทำกันไปเช่นนี้ คนพูดก็พูดไปเรื่อยเช่นเดียวกัน ไม่สนใจว่าจะเกิดความสับสนอลหม่านให้กับผู้คนในสังคมเช่นไร
อย่างว่า พูดแล้วกลายเป็นข่าวดัง ตัวเองก็ดังไปด้วย
ตอนที่กระทรวงยุติธรรมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบคดีนี้ พอเห็นรายชื่อ เขาก็รู้กันทั้งเมืองว่า เดี๋ยวต้องวุ่นแน่คดีนี้
จะต้องมีคนช่างจ้อออกมาฉะคนนั้นคนนี้ ประหนึ่งว่าตนเองนั้นดีเลิศ รู้ไปหมดทุกอย่าง คนอื่นแย่ไปเสียทั้งหมด
แล้วก็เป็นจริงๆ
ทั้งที่พฤติกรรมของคนบางคนนั้น ทั่วสังคมรู้กันดี เพราะเคยมีตัวอย่างมามากมายหลายคดี
อาจจะมีผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมบางคนไม่เคยรู้ ยกเว้นว่า ชอบบรรยากาศความสับสนอลหม่านในทาง คดีความ มีความสุขถ้าได้เห็นอะไรต่อมิอะไรมันยุ่งเข้าไว้
แล้วพูดกันตรงๆ บทเรียนจากคดีต่างๆ ก่อนหน้านี้ ที่ชอบออกมาวิพากษ์วิจารณ์ล้ำหน้าคนอื่น ก็ผิดข้อเท็จจริงมากมาย
รู้แค่ในกรอบความเชี่ยวชำนาญของตน แต่พูดจาใหญ่โตราวกับตัวเองเป็นผู้ควบคุมการสืบสวนสอบสวนทั้งหมด!
ลองย้อนไปดูคดี ห้างทอง ธรรมวัฒนะ ที่ตายปริศนา เช่นกัน การหาความจริงต้องอาศัยพยานหลักฐานมากมาย
แต่บางคนชี้ได้หมดไปก่อน แค่ดูรูปถ่าย อธิบายได้ครบถ้วน
ราวพ่อมดหมอผี!!
สุดท้ายตามพยานหลักฐานก็ชี้ได้ว่า การตายของนาย ห้างทองนั้น ไม่ปรากฏอะไรที่สรุปได้ว่าเป็นการฆาตกรรม ก็ลงเอยเป็นคดีฆ่าตัวตาย
คดีฆ่าเอกยุทธ อัญชันบุตร ก็เกิดความปั่นป่วนให้กับสังคมมาแล้ว
กล่าวหาตำรวจไว้ก่อนว่าจับแพะจับแกะ สุดท้ายพยานหลักฐานที่ตำรวจนำส่งฟ้องต่อศาลนั้น มีน้ำหนักรับฟังได้หมด เป็นไปตามรูปคดีที่ตำรวจทำนั่นแหละ คือ คนขับรถกับเพื่อน ลงมือฆ่าด้วยความโลภ ประสงค์ต่อเงินทอง
กระทั่งศาลตัดสินแล้วถึง 2 ศาล เป็นไปตามนั้น ทุกประการ!
กลุ่มจำเลยโดนจำคุกตลอดชีวิต พ่อแม่ เพื่อนฝูงติดคุกกันถ้วนหน้า จนป่านนี้ ยังไม่มีใครโวยสักคำว่า ตัวเองเป็นแค่แพะ มีกลุ่มคนมีสีอะไรมาฆ่าแล้วป้ายความผิดให้ติดคุกแทน
สารภาพว่าฆ่าเองนั่นแหละ
ยังมีที่ไปเลียบๆ เคียงๆ คดีเกาะเต่าอีก สุดท้ายที่พูด ก็ตรงกันข้ามกับผลการตัดสินของศาล
นี่เป็นแค่ 2-3 คดีใหญ่ที่เป็นตัวอย่าง
พูดให้ยุ่งเข้าไว้ ตอนจบเป็นเช่นไร ไม่ต้อง รับผิดชอบ!