คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
เป็นอันว่าเส้นทางบอลไทยที่จะไปบอลโลกในปีหน้า ได้จบลงแล้ว หลังจากที่อุตส่าห์เข้ามาถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายของโซนเอเชีย แต่หลังจากผ่านไป 7 นัด ได้มาแค่แต้มเดียว โดยนัดล่าสุดเดินทางไปพ่ายให้กับทีมญี่ปุ่น ส่งผลให้ตกรอบแล้วแน่นอน
บรรยากาศในค่ำวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งคนไทยส่วนหนึ่งเดินทางไปเชียร์ถึงสนามที่แดนซามูไร ขณะที่คนส่วนใหญ่เฝ้าลุ้นอยู่หน้าจอทีวี
ลงเอยไม่มีอะไรผิดคาด เพราะญี่ปุ่นนั้นระดับโลกจริงๆ
สำหรับขุนพลช้างศึกไทย แม้จะไม่สมหวัง แต่ก็น่าจะเป็นนัดที่ได้ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งอีก 3 นัดที่เหลือ ยังต้องเล่นกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ เล่นเพื่อยกระดับ เล่นเพื่อการปรับแผนจัดทัพให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งเพื่อให้มีแต้มเพิ่ม
อย่างที่เคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า ในเกมการแข่งขันระดับอาเซียน ทำให้คนไทยเราสุขสมหวังอย่างยิ่ง
ช้างศึกของเราดุจเทพในภูมิภาคนี้!
แต่พอขึ้นมาเล่นบอลโลกรอบคัดเลือก เจอของจริงในระดับเอเชีย ก็ต้องคอตกไปตามกัน
นั่นแปลว่าศักยภาพเราก็คือเจ้าอาเซียน แต่ยังก้าวต่อไปเหนือกว่านั้นไม่ได้
อันที่จริง นายกสมาคมฟุตบอลไทย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นั้น เติบโตจนขึ้นสูงสุดในวงการตำรวจ มีเคล็ดวิชารอบตัว คลุกคลีกับการเมืองมีมุมมองกว้างไกล ทำธุรกิจระดับข้ามประเทศย่อมมีวิสัยทัศน์ไม่ธรรมดา
มีไอเดียมากมายที่จะยกระดับทีมบอลไทยเพื่อไปบอลโลก
แต่ที่ผ่านมายังติดขัดอะไรต่อมิอะไรมากมาย
แต่บัดนี้เมื่อประจักษ์ชัดแล้วว่า บอลโลก 2018 นั้น ไม่มีหนทางให้เราไปได้แล้วแน่นอน ก็คงต้องยอมรับความคิดและการตัดสินใจของนายกฟุตบอล
ต้องกล้าคิดกล้าทำในสิ่งใหม่ๆ!
ดูอนาคตฟุตบอลไทย คล้ายกับภาพรวมของสังคมไทย
เราเป็นประเทศที่เคยพัฒนาก้าวหน้าทางการเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี เหนือกว่าประเทศในย่านนี้มาก่อน
แต่ปัญหาการเมืองฉุดรั้งทุกอย่างจนแน่นิ่ง
เพราะเราถูกกลุ่มการเมืองที่ขัดผลประโยชน์กัน ชักจูงและครอบงำ จนเราใช้อคติและความเชื่อนำหน้าข้อเท็จจริง!?!
พลังประชาชน ถูกชักจูงไปเป็นเครื่องมือทำลายล้างนักการเมืองบางกลุ่มบางพวก จนส่งผลให้พัฒนาการของประเทศชะงักงัน
ถ้าเราเปลี่ยนมาคิดกันใหม่ เอาผลประโยชน์ของประชาชนเราๆ นี่แหละเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ไปหลงเพ้อกับกลุ่มอำนาจบางกลุ่ม ซึ่งก็คือโดนเขาครอบงำ
เสรีนิยมและประชาธิปไตยคือหนทางก้าวหน้ากว่าแนวอนุรักษนิยมล้าหลัง
ประเทศเราจะมีทางเดินที่ดีกว่านี้
ทั้งการเมืองยันการบอล!
