คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
จะว่าไปแล้ว กรณีแกนนำกปปส.ออกมาเขย่าวงการตำรวจนั้น คนที่อยู่ในแวดวงการเมืองนึกภาพความเป็นมาออกในทันที เพราะประวัติศาสตร์ความขัดแย้งในทางการเมืองเพิ่งผ่านมาไม่นานนัก โดยเฉพาะระหว่างม็อบนกหวีดกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ในช่วงบ้านเมืองวิกฤตรุนแรง
ภาพม็อบบุกไปรื้อป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ลงมือกันหน้าสำนักงานใหญ่ของตำรวจไทยเลย ทีเดียว
แต่ที่ฝังใจจำยิ่งกว่านั้น ชนิดชาตินี้ไม่มีวันลืมเลือน
คือ ภาพตำรวจเตะระเบิด!!
อันเนื่องจากการปะทะกันระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับม็อบนกหวีด ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า เมื่อต้นปี 2557
ในจังหวะที่มือมืดโยนเข้าใส่แนวตำรวจปราบจลาจล โดยจากคลิปของนักข่าวต่างประเทศ เห็นชัดเจนว่า คนร้ายได้ขว้างระเบิดมือลอยละลิ่วมาปะทะกับโล่ของตำรวจปจ.
ในนาทีเป็นนาทีตายนั้นเอง ตำรวจฮีโร่ที่อยู่ตรงนั้นพอดี ตัดสินใจลุกขึ้นเตะลูกระเบิดลูกนั้นด้วยเท้า
เจตนาจะรักษาชีวิตเพื่อนตำรวจที่นั่งกันเป็นแถวเป็นแนวหลายสิบนาย
จังหวะที่เตะนั้น ระเบิดก็ทำงานพอดี เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงกลายเป็นภาพข่าวใหญ่แห่งปี
ขณะเดียวกัน มีการตรวจสอบภาพจากกล้องวิดีโออีกหลายๆ มุม ชัดเจนว่า คนร้ายได้ขว้างระเบิดลูกนี้ใส่แนวตำรวจ โดยปามาจากจุดที่อยู่ตรงข้ามกับตำรวจ
แล้วถ้าหากไม่มีตำรวจฮีโร่เตะระเบิด ในวันนั้นตำรวจอาจจะต้องสูญเสียมากกว่านี้!?!
เพราะเจตนาของผู้ขว้าง น่าจะจงใจเพื่อทำร้ายตำรวจกลุ่มใหญ่ทั้งกลุ่มดังกล่าว
ปาเข้าใส่แบบเจตนาหวังผล
เรื่องราวของตำรวจเตะระเบิด หรือร.ต.อ.ธีรเดช เล็กภู่ นอกจากจะเป็นตำนานให้ต้องจดจำถึงความกล้าหาญของตำรวจผู้นี้แล้ว
ยังเป็นเหตุการณ์ที่ประจานให้เห็นว่า ชีวิตตำรวจปราบจลาจลในสถานการณ์นั้น ล่อแหลมต่ออันตรายร้ายแรงมาก!
เรื่องนี้ตำรวจเขาไม่มีวันลืม
ยิ่งมีภาพซ้ำด้วยการไปรื้อป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติชาตินี้คงยิ่งลืมกันไม่ได้
จึงกล่าวได้ว่า เมื่อแกนนำกปปส.ออกมาขย่มวงการสีกากี คนที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์การเมืองรู้ได้ทันที ว่ามันมีความฝังใจกันมาไม่ลืมเลือน
รื้อป้าย เตะระเบิด
มาจนถึงข้อโจมตีกล่าวหาว่ามีการซื้อขายเก้าอี้!