คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
ความที่จังหวัดกระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่โดดเด่นในระดับโลก เป็นหนึ่งในไข่มุกอันดามันที่นักท่องเที่ยวฝรั่งต่างชาติแห่กันมาดื่มด่ำธรรมชาติกันอย่างคึกคัก จึงมีคนตั้งข้อสังเกตอยู่เหมือนกันว่า ผลจากคดีฆ่าหมู่ 8 ศพนั้น จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหรือไม่
การสังหารหมู่ 8 ศพ อย่างเหี้ยมโหด ย่อมเป็นข่าวใหญ่สะเทือนขวัญแน่ๆ
แต่เมื่อเหยื่อไม่ใช่นักท่องเที่ยว ไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว พื้นที่ที่เกิดเหตุก็ไม่เกี่ยว ย่อมทำให้ผลกระทบเบาบางลงไป
คดีนี้ชัดเจนแล้วว่า เป็นเรื่องของแก๊งบังฟัต นายทุนเงินกู้ในพื้นที่ อันมาจากการหักกันในผลประโยชน์การจำนองที่ดิน
แล้วขู่อาฆาตกันไปมา ลงเอยจึงเกิดแผนฆ่า แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะถึงฆ่ากัน 8 ศพขนาดนี้
สำคัญสุด ฝีมือตำรวจไทยในการจับกุมคนร้ายได้ครบถ้วนและรวดเร็วพร้อมพยานหลักฐาน นี่แหละ!
จะทำให้ข่าวสารที่ตีแผ่ออกไปสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ อันสูงส่งของโปลิศไทย
ยิ่งคดีนี้มีผบ.ตร.มาคุมคดีเอง
ทั้งเมื่อจับกุม มีการไปตรวจยึดพยานหลักฐาน ไปขุดค้นกลางป่าจนได้มาแทบครบถ้วน
เช่นนี้แล้ว ทำให้ภาพรวมการทำคดีไม่มีปัญหา ไม่เกิดข้อครหาข้อสงสัยใดๆ ยิ่งส่งผลดีต่อภาพรวมของเหตุการณ์
แน่นอนว่า เมื่อเกิดคดีอาชญากรรมร้ายแรง ย่อมเป็นข่าวด้านลบอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว และสามารถจับกุมได้ เอาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้
ย่อมหักลบกันได้!
รวมทั้งยังทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า ตำรวจไทยเอาจริงเอาจังในการสืบสวนจับกุมโจรผู้ร้ายและทำได้จริง
มองอย่างนี้ น่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อชาว โลกได้
สร้างความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้
แต่ถ้าจะให้ดีกว่า ไม่ควรเกิดเหตุอาชญากรรมรุนแรงเลย!?!
จริงอยู่ทุกสังคม ไม่ใช่แค่บ้านเรา อาชญากรรม ต่อทรัพย์ต่อชีวิต เกิดได้ตลอดเวลา
แต่ถ้าสภาพสังคมไม่เสื่อมทรามเกินไป อาชญากรรมก็จะไม่มากและไม่ร้ายแรง
ปัญหาของสังคมไทยเรานั้นวิกฤตแทบทุกด้าน นำมาซึ่งอาชญากรรมมากมาย
ยังดีที่คดีร้ายแรงขนาดนี้ ตำรวจสืบจับได้
ทำให้อาชญากรยังเกรงขาม!