คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
กว่า 3 ปีมาแล้ว ในยุครัฐบาลคสช. เป็นที่รู้กันดีทั่วไปว่า บรรยากาศบ้านเมืองได้เข้าสู่โหมดแห่งความสงบราบคาบ ไม่มีการแสดงออกซึ่งความขัดแย้งอย่างรุนแรงจากกลุ่มคนทุกฝ่าย ไม่มีม็อบระหว่างสี ไม่มีความตึงเครียด
ชนิดที่โพลแทบทุกสำนัก สำรวจความเห็นประชาชนกี่ครั้งกี่หน ก็จะได้คำตอบตรงกันประการหนึ่งคือ พอใจในยุคคสช. ประเด็นของความสงบสุข
แต่แน่นอน ในยุคคสช. ก็ย่อมมีปัญหากระทบชาวบ้านในด้านอื่น เช่น สิทธิเสรีภาพพื้นฐาน ปัญหาปากท้องประชาชน
เพียงแต่ในด้านบรรยากาศไร้ความขัดแย้งรุนแรง ถือเป็นจุดเด่นที่คนทั่วไปพึงพอใจ
ในเมื่อบ้านเมืองภายใต้อำนาจคสช. ราบรื่นมายาวนาน กว่า 3 ปี
แล้วจะต้องมาวิตกกังวลอะไรกันมากมายในวันนี้!
หวั่นไหวไปตามๆ กัน เมื่อใกล้จะถึงวันแถลงปิดคดีจำนำข้าวในต้นเดือนหน้า และวันตัดสินพิพากษาในปลายเดือน
ถึงขั้นที่บรรดาผู้นำรัฐบาลและคสช.รวมทั้งกองทัพเล่นบทขึงขัง
ออกมากล่าวเตือนห้ามปรามมวลชนที่เป็นแฟนคลับของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ไม่ให้เดินทางมาที่บริเวณหน้าศาลพิจารณาคดี
ไปจนถึงลิ่วล้อทั้งหลาย ออกมาโหมข่าวการจ้างวานคนมาชุมนุม ปั่นข่าวนักการเมืองมีแผนจัดม็อบระดมม็อบ
ที่พูดแบบนี้แหละ คือ การยั่วยุ สร้างบรรยากาศให้ร้อนระอุขึ้นมาอย่างไม่จำเป็น
เดี๋ยวจะเข้าทำนอง ยิ่งกล่าวร้าย กลายเป็นยิ่งกระตุ้นอารมณ์ทำให้คนแห่กันมายกใหญ่!
พฤติการณ์แบบนี้ มีบทเรียนให้เห็นมาแล้วในประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมา
โดยเฉพาะในยุคระหว่างปี 2516-2519 มีหน่วยปั่นข่าวปลุกปั่น ทั้งยานเกราะ ดาวสยาม ยิ่งทำให้มวลชนอีกฝ่ายขยายใหญ่โต
ทั้งที่ข้อเท็จจริง ตลอด 3 ปีเศษที่ผ่านมานั้น บ่งบอกอยู่แล้วว่า อำนาจที่เต็มมือคสช.
สามารถควบคุมได้แทบทุกอย่าง!
อีกประการพรรคการเมือง และมวลชนฝ่ายหนึ่ง สงบเสงี่ยมเจียมตัว ให้ความร่วมมือด้วยดีทุกประการ
เพื่อให้การทำงานของคสช.ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และรวดเร็ว เพื่อไปสู่การคืนประชาธิปไตย และวัน เลือกตั้ง
มีเป้าหมายชัดเจนในการยอมสงบเพื่อการร่วมมือ
ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน จึงไม่เห็นจะต้องไปหวาดกลัว ว่าจะมีการลุกฮือ เกิดความรุนแรงอันเนื่องจากคดียิ่งลักษณ์
ยิ่งไปขัดขวางปิดกั้น นั่นแหละจะยิ่งก่อปัญหา!