ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. แสดงความคิดเห็น หลังมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลย ในคดีสลายม็อบ 7 ตุลาคม 2551
โดยด้านหนึ่งเห็นใจมวลชนฝ่ายที่สูญเสียในเหตุการณ์สลายม็อบดังกล่าว
ในฐานะประชาชนด้วยกัน ย่อมไม่ยินดีกับการเจ็บตาย
อีกด้านหนึ่ง แกนนำเสื้อแดงก็รู้สึกเสียดาย ที่คดีสลายม็อบนปช.เมื่อปี 2553 ซึ่งตายถึง 99 ศพ
เรียกว่า ตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์
กลับไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ความจริงในศาล แบบคดี 7 ตุลาฯบ้าง!?
คงไม่เพียงแค่แกนนำนปช.เท่านั้นที่คิดเช่นนี้
ผู้คนจำนวนไม่น้อย มีความรู้สึก เป็นประเด็นเปรียบเทียบเช่นกัน
เพราะ 7 ตุลาฯ รัฐบาลใช้ตำรวจปราบจลาจลตามหลักสากล
ใช้เพียงแก๊สน้ำตา ตามหลักปฏิบัติที่ใช้ในทั่วโลก
ทั้งผลจากคำพิพากษาของศาลในคดี 7 ตุลาฯ ยังช่วยคุ้มครองหลักปฏิบัติใช้ตำรวจปราบจลาจลและอุปกรณ์ เช่น แก๊สน้ำตานี้ต่อไปได้
ถือเป็นเรื่องดีต่อการชุมนุมของประชาชนในภายหน้า
ดีกว่าโดนกระสุนจริงสลายม็อบแน่ๆ!
เหตุการณ์ 99 ศพนั้น เป็นเรื่องคาใจของนักสิทธิมนุษยชนและนักประชาธิปไตย
ว่าผู้นำรัฐบาลชุดนั้น อ้างเหตุมีผู้ก่อการร้าย ชายชุดดำ แล้วใช้ทหารพร้อมกระสุนจริง
จนตายไปร่วมร้อย
โดยที่ตาย ไม่มีผู้ก่อการร้าย ชายชุดดำ แม้แต่ศพเดียว!?!
อย่างนี้ จะปล่อยไปเฉยๆ ได้หรือ
เทียบระหว่างรัฐบาลที่ใช้ตำรวจปราบจลาจลและแก๊สน้ำตา
กับรัฐบาลที่ใช้ทหารหน่วยรบและกระสุนจริง
จะไม่ให้มีการพิสูจน์ความจริงความถูกต้องได้หรือ
ต้องไม่มีมาตรการกระสุนจริงเกิดขึ้นอีก!!