“วงค์ ตาวัน”

หลังจากเกิดเหตุคาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซี ปัตตานี เมื่อ ต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งแสดงให้เห็นการพลิกแพลงวิธีการใหม่ๆ ของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ไฟใต้ นั่นคือ การลวงชาวบ้านไปปล้นชิงรถในตอนเช้า แล้ว นำไปประกอบระเบิดอย่างทันที จากนั้นมาก่อเหตุในตอนบ่ายของวันนั้นเลย

เพราะรถคันที่ใช้ก่อเหตุนั้น จะไม่อยู่ในสารบบรถเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่

เนื่องจากเดิมที จะปล้นชิงรถจากประชาชน แล้วนำไปซุกซ่อนไปประกอบระเบิดอยู่หลายวัน กว่าจะเอาออกมาปฏิบัติการ

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่รู้ว่า มีการปล้นชิงรถ คันไหน ยี่ห้ออะไร สีอะไร ทะเบียนอะไร

จากนั้นจะมีการขึ้นบัญชีเฝ้าระวังรถคันดังกล่าว กระจายไปยังเจ้าหน้าที่ด่านตำรวจทหารทุกจังหวัด

ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบ อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกสกัดกั้นจับกุมได้ก่อน

เลยมีการปรับเปลี่ยนวิธีการ!

ด้วยการหันมาปล้นชิงรถแล้วรวบรัดเป็นปฏิบัติการคาร์บอมบ์ภายในวันเดียวกันเลย

โดยระหว่างขับไปยังเป้าหมายคือห้างสรรพสินค้า ย่อมเป็นรถที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดล่วงรู้ได้ว่ามันคือคาร์บอมบ์

คงหวังว่าจะแนบเนียนมากขึ้น

มาล่าสุด มีแผนใหม่ๆ ออกมาอีก

นั่นคือบุกเข้าปล้นชิงรถจากเต็นท์รถมือสอง รวดเดียวหลายคัน จากนั้นก็ไปประกอบระเบิดแบบฉับพลันทันที!

แต่เพราะเป็นการบุกปล้น จึงกลายเป็นเหตุที่ถึงหูถึงตาตำรวจ

ทำให้มีการแจ้งสกัดจับรถชุดดังกล่าวได้รวดเร็ว

ทำให้ปฏิบัติการหนนี้ ไม่ประสบความสำเร็จ

ด้านหนึ่ง ต้องชื่นชมตำรวจทหารที่ปฏิบัติการสกัดกั้น ได้ฉับไว

ขนาดพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.รุดไปตรวจที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

แต่อีกด้าน คงต้องมีคิดวิเคราะห์กันว่า แผนใหม่ล่าสุดนี้ กลุ่มก่อความไม่สงบคิดอะไร และมีเป้าหมายอะไรมาก กว่านี้หรือไม่

ไปจนถึงต้องมองให้ออกว่า จากนั้นกลุ่มก่อความไม่สงบจะมาแนวไหนอีก เพื่อการป้องกันสกัดกั้นที่หยุดยั้งความเสียหายได้ทัน

แต่ทั้งหมดนี้ เป็นการยับยั้งป้องกันเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารต้องทุ่มเททำงานกันอย่างหนักต่อไป

ขณะที่การแก้ต้นตอปัญหา หรือการไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ๆ ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงก็ยังต้องทำควบคู่กันไป

การแก้ในระดับนโยบายของรัฐบาล ต้องเร่งทำมากกว่าและจะเป็นการแก้ได้อย่างถึงที่สุด ถ้าทำกันจริงๆ!?!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน