“วงค์ ตาวัน”

เหตุการณ์ช็อกคนกรุงเทพฯ ในเช้าวันที่ 14 ตุลาคม เมืองหลวงกลายเป็นเมืองน้ำ ย่านเศรษฐกิจ เช่น สุขุมวิท แหล่งบ้านเรือนเศรษฐี คอนโดฯ หรู รถเก๋งราคาแพง ต้องจมน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้น

ยังหวาดวิตกกันว่าจะเกิดอีกไหม!?

แต่ด้วยปัจจัยหลักมาจากฝนที่ตกหนักถึง 6 ชั่วโมง

ดังนั้นเมื่อไม่มีฝนเพิ่ม ยังมีช่องทางให้พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ระดมไล่น้ำจนลดลงในช่วงบ่ายและเย็นของวันเดียวกัน

ด้านหนึ่งต้องเห็นใจผู้ว่าฯ อัศวิน ที่เจอฝนมหาศาล แต่ก็ยังโชคดีที่เจอแต่ฝนล้วนๆ

ถ้าไปดูสภาพน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคกลาง บางส่วนของเหนือและอีสาน ที่ยังจมบาดาล ไร่นาย่อยยับ

ปัญหาของหลายจังหวัดเหล่านี้ มาจากน้ำจากเขื่อน นอกเหนือจากฝน!

ข้อมูลที่ชัดเจนจากปากของชาวบ้านที่เล่าให้นักข่าวฟัง คือ น้ำมาเร็วและเพิ่มสูงอย่างฉับไว จนขนข้าวของไม่ทัน

แล้วในหลายๆ จังหวัด จมหลายวันแล้ว ไม่ลดลงเลย

เห็นอย่างนี้แล้ว คนกทม.ยังโชคดีกว่ามาก น้ำท่วมแค่วันเดียว แค่ครึ่งวัน

แต่คนในภาคกลาง ชัยนาท อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี แถวอีสาน แถวเหนือ จมมาหลายวัน

นาข้าว พืชสวน พืชไร่ ล้มตายอยู่ใต้น้ำหมด

สิ้นเนื้อประดาตัวไปตามๆ กัน!!

เหล่านี้ตอกย้ำให้เห็นว่า เราเสียเวลากับปัญหาการแย่งชิงอำนาจการเมืองมาหลายปี

จนทำให้ไม่มีรัฐบาลปกติ ที่จะมาบริหารบ้านเมืองในทุกมิติ

เพราะการเล่นเกมการเมืองจนไม่ยอมให้ประชา ธิปไตยเดินหน้าต่อไป อ้างว่าต้องปฏิรูปก่อน

เราเลยได้รัฐบาลทหารคสช. ที่มีหน้าที่หลัก คือ เน้นความมั่นคง ความปรองดอง ความสงบเรียบร้อย

ใช้เวลามากมาย 4 ปีแล้ว ไปกับการเขียนกติกาการเมืองใหม่ เพื่อควบคุมนักการเมือง ไม่ให้มีอำนาจอะไรมากหลังเลือกตั้ง

เมื่อไม่มีรัฐบาลปกติ ก็ไม่มีบริหารปกติ!!

เช่น ไม่มีการบริหารน้ำอย่างเป็นระบบทั่วประเทศ ที่พูดค้างเอาไว้หลังปี 2554 ไม่มีระบบ ผู้แทนราษฎรมาดูแล

ฝนหนักน้ำมาก ก็แก้กันไปเฉพาะหน้า

พื้นที่ห่างไกล ไม่มีปากเสียง ก็ลำบากมากหน่อย ที่แน่ๆ ต่อจากนี้คือหนี้สินที่พุ่งพรวด

อดทนกันหน่อยน่า การปฏิรูปการเมืองให้ดีงามมีความดีก่อน จำเป็นกว่ามาก!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน