“วงค์ ตาวัน”

เป็นอันว่าเลิกพูดเลิกเขียนกันได้แล้วกับคำว่าครูจอมทรัพย์-ครูแพะ หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาโดยให้ ยกคำร้องขอรื้อฟื้นคดีมาพิจารณาใหม่

เท่ากับให้เป็นไปตามคำพิพากษาเดิม 3 ศาล ที่ชี้ว่าครูจอมทรัพย์คือผู้กระทำผิดในคดีขับรถชนคนตายจริง

เพราะหลังจากศาลเปิดโอกาสให้สืบพยานที่นำเสนอเข้ามาใหม่ เพื่อพิจารณาว่าควรจะให้รื้อคดีเดิมขึ้นมาพิสูจน์กันใหม่หรือไม่

หลังผ่านการสืบพยานหลักฐานกันอย่างละเอียดแล้ว

เป็นอันได้บทสรุปที่ชัดเจนว่า ไม่มีอะไร บ่งชี้ว่าเป็นแพะ!

เพราะ ไม่มีพยานหลักฐานอะไรที่น่าเชื่อถือว่าครูจอมทรัพย์ ไม่ใช่ผู้กระทำผิด

ที่นำพยานปากต่างๆ มาเบิกความ มาตรวจพิสูจน์กันใหม่นั้น มีแต่ข้อพิรุธ

จึงเป็นอันจบสิ้นเสียทีคดีนี้ ไม่มีแพะมีแต่แกะมากกว่า

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของการร้องเรียนของครูจอมทรัพย์ เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา

จะเห็นได้ว่าบางหน่วยราชการขานรับอย่างคึกคัก!?

พร้อมๆ กับพวกที่อยากปฏิรูปตำรวจให้ได้ ก็เชียร์กันใหญ่ หวังว่าจะเป็นเหตุการณ์ทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรตำรวจ

จะได้ลดอำนาจตำรวจแยกงานสอบสวนออกไป

แน่นอนว่าตำรวจทำคดีชุ่ยๆ ก็ไม่น้อยจับแพะก็มีบ่อย แต่ไม่ใช่ทุกคดีและในระยะหลังงานสืบสวนสอบสวนก็พัฒนาไปมาก เริ่มผิดพลาดน้อยลง

คดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ตรวจสอบ เบื้องต้นเองดูได้ไม่ยากว่าพนักงานสอบสวนทำคดีตรงไปตรงมาแล้ว

เลยมอบหมายพล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ไปตรวจละเอียดอีกชั้น คราวนี้ได้ข้อมูลชัดเลยว่ามีขบวนการรับจ้างติดคุกเข้ามามีบทบาท

ทำให้เกิดการร้องเรียนและบางหน่วยงานก็พร้อมจะรับลูก

แต่ความเป็นมืออาชีพจะทำให้ประเมินออกว่าพยานต่างๆ นั้นของจริงหรือเท็จ!

กรณีนายสับ วาปี พยานเอกที่ครูจอมทรัพย์นำมาอ้างว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่

ฝ่ายตำรวจเช็กได้ไม่ยากว่าเป็นมาอย่างไร

สุดท้ายพอขึ้นศาลฝ่ายร้องนั่นแหละ ต้องตัดนายสับออกไปจากบัญชีพยานแทบไม่ทัน

เอาเป็นว่าบทสรุปคดีนี้ทำให้เครดิตตำรวจดูดีขึ้นมาอย่างล้นหลาม

ยิ่งทำให้เห็นความเป็นมืออาชีพของงานสืบสวนสอบสวน!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน