“วงค์ ตาวัน”

แม้ว่าคดีครูจอมทรัพย์อ้างว่าเป็นแพะ จะอวสานไปแล้ว ด้วยคำพิพากษาของศาลที่ยกคำร้องไม่ให้รื้อฟื้นคดีใหม่

เท่ากับจบสิ้นคำว่าแพะไปแล้วในคดีนี้

อีกทั้งแม้ว่าตำรวจจะได้รับเครดิตกลับคืนมาแล้ว ว่าไม่ใช่การจับมั่วจับแพะ

แต่เบื้องหลังการร้องเรียนว่าแพะนี้ เชื่อมโยงกับขบวนการผิดกฎหมาย

ทั้งเป็นเรื่องการแจ้งความเท็จ และมีขบวนการรับจ้างติดคุกแทน พัวพันอยู่

ตำรวจจึงต้องเดินหน้าเอาผิดกับคนเกี่ยวข้องต่อไป

ทำให้ปรากฏต่อสังคมว่า ที่มาของเรื่องนี้ มีขบวนการอะไรอยู่หลังฉาก!?

ก่อนหน้านี้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบหมายให้พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น เดินหน้าสาวลึกเบื้องหลังขบวนการ

เพื่อให้สังคมได้รับรู้ความเป็นมาที่แท้จริง

แต่ต้องชะงัก เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการศาล ควรรอฟังคำตัดสินของศาลก่อน

อีกประการ ไม่อยากให้เกิดภาพความขัดแย้งกับกระทรวงยุติธรรม ที่รีบร้อนไปรับลูกครูจอมทรัพย์

วันนี้เมื่อคดีในส่วนนั้นจบสิ้น ตำรวจก็คงต้องสะสางเบื้องหลังของคดีให้หมดเปลือก!

ที่พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม เจ้าของพื้นที่ กำลังเตรียมเรียกตัวมาแจ้งข้อหากันยกใหญ่

ถือว่าถูกต้องแล้ว

แน่นอนว่า ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนที่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จะไม่สามารถร้องเรียนได้

การทำหน้าที่ที่ผิดพลาดของตำรวจมีอยู่ ประชาชนต้องมีสิทธิเรียกร้องให้ตรวจสอบ

องค์กรตำรวจต้องเปิดใจกว้าง!

แต่ความที่กรณีครูจอมทรัพย์นั้น มีพิรุธมากมายตั้งแต่ต้น แต่สังคมก็เข้าใจผิดไปแล้ว เกิดกระแสถล่มตำรวจแทบจมธรณี

แถมมีแก๊งผิดกฎหมายบ้านเมืองเกี่ยวพัน

อย่างนี้จึงจำเป็นที่ตำรวจต้องทำให้กระจ่างอย่างที่สุด เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

ให้รู้กันว่า มีแก๊งรับจ้างติดคุก มีการเจรจาต่อรองเพื่อเป้าหมายผลประโยชน์อะไร!?

ต้องย้ำว่า คดีครูจอมทรัพย์ให้บทเรียนว่า การร้องเรียนการทำคดีของตำรวจนั้นทำได้

แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความจริง ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรแอบแฝง!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน