“วงค์ ตาวัน”
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่จุดเริ่มต้นที่ครูจอมทรัพย์เข้าร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม อ้างว่าเป็นแพะในคดี ขับรถชนคนตายนั้น ไม่ใช่แค่การไปยื่นเรื่องปกติ แต่มีการจุดกระแสทางสังคม ปั่นกันเสียจนทั่วทั้งสังคมรุมเห็นใจ เพราะเชื่อกันไปแล้วโดยไม่รอฟังข้อมูลเหตุผลใดๆ ว่าตำรวจ เลวตำรวจผิดแน่ๆ
สิ่งที่ตามมาคือการระดมเงินช่วยเหลือ ระดมเงินบริจาค
มาบัดนี้เมื่อทุกอย่างกระจ่างชัดว่า ไม่มีแพะ มีแต่แกะ
คราวนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องเพิ่มขึ้นมาอีกคดี ว่าด้วยการหลอกลวงเงินประชาชน
รวมทั้งคนที่เข้ามาร่วมขบวนการปั่นกระแสครูแพะ จนชาวบ้านเชื่อตามๆ กันไป อาจโดนสอบสวนว่าได้ร่วมสร้าง เรื่องผิดๆ นี้ด้วยหรือไม่
สรุปว่านี่คือเหตุการณ์ต้มตุ๋นสังคมครั้งใหญ่อีกเหตุการณ์หนึ่ง!
หากจะถามว่าเป้าหมายจริงๆ ของการสร้างเรื่องทั้งหมดนี้ เพื่ออะไร
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. ในฐานะโฆษกตำรวจ ซึ่งลงไปติดตามคดีนี้ใกล้ชิด ได้ให้คำอธิบายว่า
เหตุผลที่ครูจอมทรัพย์ ขอรื้อฟื้นคดีทั้งๆ ที่คดีจบ 3 ศาลไปแล้วนั้น เนื่องจากหากการขอรื้อฟื้นคดีสำเร็จและมีผู้รับโทษแทน
ครูจอมทรัพย์จะได้กลับเข้ามารับราชการ ซึ่งเหลืออายุราชการ อีก 5 ปี
และหากเกษียณอายุราชการก็จะได้รับเงินบำนาญตลอดชีวิต ได้รับเงินเยียวยาย้อนหลังระหว่างที่อยู่ ในคุก
อีกทั้งยังจะได้รับเงินเยียวยาผู้เสียหายตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทน ผู้เสียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายในคดีอาญา จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งมียอดเงินชดเชยรวมแล้วกว่าล้านบาท
รวมๆ แล้วจึงคุ้มค่าน่าลงทุน!
โดยมีขบวนการรับจ้างติดคุกแลกกับเงิน 4 แสนบาท พร้อมจะมารับผิดแทน เพื่อให้ครูจอมทรัพย์พ้นผิด
ได้กลับรับราชการ ได้บำเหน็จบำนาญและได้เงินทองตามมาอีกมากมาย
แต่ความจริงแผนการเหล่านี้ ไม่ได้แยบยลลึกซึ้งมากนัก
ตำรวจตรวจสอบข้อมูลได้ไม่ยาก เลยมีท่าทีชัดเจน หนักแน่นตั้งแต่ต้น!
ทั้งท่าทีของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และพล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ไปเตะปลั๊กทีวีจนดับ ขณะที่ประชาชนกำลังน้ำตาไหลไปกับละคร ครูแพะ
ทบทวนคดีครูแพะ แล้วต้องตระหนักถึงความเชี่ยวชำนาญงานของตำรวจ
ตำรวจที่กำลังจะโดนปฏิรูปกันทุกวิถีทาง จะผ่าตัด ลดอำนาจ ลดภารกิจสืบสวนสอบสวนต่างๆ
ลดอำนาจตำรวจแล้วเอาไปให้ใครทำ จะเชี่ยวชำนาญจริงหรือ
ยิ่งปฏิรูปตำรวจมากเท่าไร ประชาชนจะได้รับผลกระทบมากเท่านั้น!