“วงค์ ตาวัน”
ในยุครัฐบาลคสช. มีเหตุลอบวางระเบิดรุนแรงหลายครั้ง เช่น ระเบิดที่ศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อสิงหาคม 2558 ทำให้นักท่องเที่ยวและคนไทยตายและเจ็บจำนวนมาก
ที่รุนแรงต่อมา คือ ระเบิดพร้อมๆ กัน ทั่วทั้ง 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เมื่อสิงหาคม 2559 หลังการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญไม่กี่วัน
แต่ลงเอยทั้งสองเหตุการณ์นี้ สามารถคลี่คลายได้ด้วยพยานหลักฐาน และวงจรปิด
เมื่อตำรวจใช้พยานหลักฐานเป็นตัวคลี่คลายคดี ความจริงย่อมปรากฏเป็นที่เชื่อถือได้
โดยคดีระเบิดศาลพระพรหม แกะรอยด้วยภาพจากวงจรปิด และด้วยเทคโนโลยียุคใหม่
ติดตามจับกุมคนร้ายชาวอุยกูร์ได้พร้อมพยาน หลักฐานในแฟลตที่หลบซ่อนอยู่
สาเหตุมาจากความไม่พอใจเรื่องการส่งตัวผู้อพยพ!
ความจริงหลังระเบิดราชประสงค์ ทีมโฆษกรัฐบาลซัดใส่นักการเมืองที่เสียประโยชน์ทันที
แต่ลงเอยด้วยการทำงานอย่างตรงไปตรงมาของตำรวจก็พบว่าเป็นเรื่องข้ามชาติ
เช่นเดียวกับระเบิด 7 จังหวัดใต้ตอนบน ทั้งคนในรัฐบาล และหัวหน้านกหวีด ชี้นิ้วไปที่ฝ่ายการเมืองตรงข้ามรัฐบาล!?!
ก่อนจะหงายหลัง ด้วยพยานหลักฐานตามจริง พบว่าเป็นขบวนการจาก 3 จังหวัดใต้
เป็นปมปัญหาไฟใต้ที่เชื่อมโยงกับรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามตินั่นแหละ!
เพราะอีก 10 วันถัดมา มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 49/2559 เรื่องมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย ออกมาประกาศอย่างเร่งด่วน
สาระส่วนหนึ่งเพื่อแก้ไขปมปัญหาเรื่องศาสนาในรัฐธรรมนูญนั่นเอง
มีเหตุระเบิดที่มาจากปัญหาความขัดแย้งการเมืองจริงๆ ก็เฉพาะไปป์บอมบ์ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯเท่านั้น
คดีนี้ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ คุณลุงมือระเบิดยอมสารภาพ ว่าแค้นเคืองรัฐบาลทหาร
แต่ก็พบว่ากระทำตามลำพังตามความเชื่อ ไม่มีขบวนการ เรียกกันว่าโลนวูล์ฟ!
ไม่น่าแปลกใจ ที่เกิดเหตุรุนแรงขึ้นมา ก็จะต้องโทษปมการเมืองไว้ก่อน เพื่อประโยชน์สำหรับฝ่ายรัฐบาล
แต่ความจริงจากหลักฐานของตำรวจ จะลบล้างข้อใส่ร้ายทางการเมืองได้
ส่วนวันนี้กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง จู่ๆ มีการพบอาวุธจำนวนมาก
มีการขยายผลเพื่อประโยชน์ทางการเมืองเรื่องการไม่ปลดล็อกทันที
แต่สังคมจะเชื่อตามหรือไม่ ต้องขึ้นกับพยานหลักฐานที่นำมาอ้างนั้นเชื่อถือได้หรือไม่!?